ฉางเผิง จ้าว หรือ “CZ” ผู้ร่วมก่อตั้ง Binance ออกมาให้สัมภาษณ์แบบตรงไปตรงมาเป็นครั้งแรก หลังได้รับอภัยโทษจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวยืนยันชัดว่า “ไม่มีดีลลับ ไม่มีความเกี่ยวข้องทางธุรกิจกับครอบครัวทรัมป์แม้แต่น้อย”
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา CZ ให้สัมภาษณ์ในรายการของ Fox News ว่า ตัวเอง “ค่อนข้างแปลกใจ” ที่ได้รับอภัยโทษ เพราะไม่เคยรู้ล่วงหน้ามาก่อนว่าจะเกิดขึ้นจริง เขาเล่าว่า ทนายได้ยื่นคำร้องตั้งแต่เดือนเมษายน และหลังจากนั้นหลายเดือนก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ จนกระทั่ง “ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว”
CZ กล่าวว่า “ผมไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ หรือจะเกิดขึ้นจริงไหม ทนายเพียงยื่นเรื่องไว้ แล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้นเฉย ๆ”
CZ ยังย้ำว่า ไม่เคยพบหรือพูดคุยกับทรัมป์โดยตรง ทั้งก่อนและหลังได้รับอภัยโทษ เคยเจอเพียง อีริก ทรัมป์ ลูกชายของอดีตประธานาธิบดีแค่ครั้งเดียว ที่งาน Bitcoin MENA Conference ที่อาบูดาบี พร้อมยืนยันอีกครั้งว่า “ไม่มีความเกี่ยวข้องทางธุรกิจระหว่างผม, Binance และ World Liberty Finance แต่อย่างใด”

การเมืองสหรัฐฯ เดือด ! เดโมแครตโวย “ดีลใต้โต๊ะ”
การอภัยโทษของ CZ กลายเป็นชนวนความขัดแย้งทางการเมืองทันที
ฝั่งชุมชนคริปโตฯ เฉลิมฉลองกันยกใหญ่ มองว่านี่คือ “ชัยชนะครั้งใหญ่ของวงการ” และอาจเป็นสัญญาณเปลี่ยนท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เริ่มเปิดกว้างต่อคริปโต หลังยุคของรัฐบาลไบเดนที่เข้มงวด
แต่ในอีกมุมหนึ่ง พรรคเดโมแครตกลับไม่เห็นด้วย แม็กซีน วอเตอร์ส ส.ส.เดโมแครต ออกมากล่าวหาว่าทรัมป์อาจมี “ดีลใต้โต๊ะ” เพื่อแลกกับการลงทุนในโครงการที่เชื่อมโยงกับครอบครัวของเขา เช่น World Liberty Financial (WLFI)
ขณะเดียวกัน วุฒิสมาชิกอย่าง เอลิซาเบธ วอร์เรน และ เบอร์นี แซนเดอร์ส ก็ได้ร่วมกันส่งจดหมายถึง แพม บอนดิ อัยการสูงสุด เพื่อขอให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดถึงเบื้องหลังของการอภัยโทษครั้งนี้
ทรัมป์ออกแถลงข่าวหลังการอภัยโทษ โดยยืนยันว่าไม่ได้รู้จัก CZ เป็นการส่วนตัว แต่ได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาว่า คดีของ CZ มี “แรงจูงใจทางการเมือง”
ทรัมป์กล่าวว่า “เขาไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ แต่กลับถูกตามรังควานโดยรัฐบาล Biden”
ในขณะที่ CZ พยายามยืนยันความบริสุทธิ์ ฝั่งนักการเมืองบางส่วนกลับมองว่าเรื่องนี้อาจมี “ผลประโยชน์ซ่อนอยู่”
สิ่งที่แน่ชัดคือ เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่สะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่าง “โลกคริปโต” และ “การเมืองอเมริกัน” นั้นเริ่มมีความสัมพันธ์กันมากขึ้น และอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางใหม่ของอุตสาหกรรมนี้ในอนาคต
ที่มา:cointelegraph

