ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรื่องปัญหามลพิษทางอากาศอย่าง Particulate Matter (PM) หรืออนุภาคฝุ่นขนาดเล็ก ได้กลายมาเป็นปัญหาที่หลายประเทศต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ PM2.5 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าหรือเท่ากับ 2.5 ไมครอน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือแม้กระทั่งมะเร็งปอดจึงทำให้การติดตามแหล่งที่มาของมลพิษ และการประเมินผลการแทรกแซงเพื่อจัดการปัญหานี้เป็นสิ่งที่สำคัญ
บทความนี้เราจะพาทุกคนไปสำรวจวิธีการใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อสร้างฐานข้อมูล isotopic ที่มีความโปร่งใสและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งช่วยในการติดตามแหล่งที่มาของ PM ทั่วโลก โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain นั้นจะทำให้การจัดการข้อมูลเกี่ยวกับมลพิษมีความปลอดภัย แม่นยำ และสามารถตรวจสอบได้ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทำไมต้องใช้ Blockchain กับการติดตามมลพิษ PM
การติดตามแหล่งที่มาของ PM เป็นเรื่องที่ซับซ้อน เนื่องจากมลพิษเหล่านี้มาจากหลายแหล่งที่แตกต่างกัน เช่น การเผาไหม้ทางชีวภาพ การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การปล่อยมลพิษจากรถยนต์ รวมไปถึงแหล่งที่มาจากธรรมชาติ เช่น ฝุ่นจากดินและทะเลทราย
การใช้เทคนิค isotopic fingerprinting ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ลายเซ็นทางไอโซโทปนั้นช่วยให้สามารถแยกแยะแหล่งที่มาของ PM ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นจากแหล่งที่มาทางธรรมชาติหรือจากกิจกรรมของมนุษย์ แต่ปัญหาคือ การรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ ในระดับโลกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่ถูกจัดเก็บในรูปแบบที่ไม่ได้เชื่อมโยงกันและขาดความโปร่งใสในการจัดการ

Blockchain จึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ ด้วยการสร้างฐานข้อมูลที่มีความปลอดภัยและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นในการจัดเก็บข้อมูลไอโซโทปที่ต้องการความแม่นยำสูง ข้อมูลทุกตัวจะถูกบันทึกและยืนยันในบล็อกเชนเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการแก้ไขหรือบิดเบือนข้อมูลในภายหลัง
การใช้ Blockchain ร่วมกับ Isotopic Database สำหรับการติดตามมลพิษ PM
ล่าสุดนักวิจัยจากหลายองค์กรได้พัฒนา Isotopic Database for Global Atmospheric Research (IDGAR) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่รวบรวม 34,815 ข้อมูลไอโซโทปที่เกี่ยวข้องกับแหล่งที่มาของ PM จากทั่วโลกในช่วงปี 1957 ถึง 2024 การใช้ blockchain ในการจัดการข้อมูลนี้ทำให้การติดตามแหล่งที่มาของมลพิษมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้อย่างครบถ้วน

เทคโนโลยี blockchain ช่วยให้ข้อมูลทุกตัวที่ถูกบันทึกใน IDGAR มีลักษณะที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ เมื่อข้อมูลไอโซโทปถูกบันทึกในระบบ blockchain จะถูกเข้ารหัสและจัดเก็บในบล็อกต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ไม่สามารถทำการแก้ไขข้อมูลในภายหลังได้หากไม่มีการตรวจสอบและบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
การใช้ Blockchain เพื่อวิเคราะห์ผลของการแทรกแซง
การติดตามแหล่งที่มาของ PM เป็นเพียงขั้นตอนแรกในการควบคุมมลพิษ แต่การประเมินผลของมาตรการแทรกแซงก็สำคัญไม่แพ้กัน ในฐานข้อมูล IDGAR นักวิจัยสามารถใช้ข้อมูล isotopic เพื่อวิเคราะห์ผลของการแทรกแซงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เช่น การลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หรือการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
นอกจากนี้การใช้ blockchain ในการเก็บข้อมูล ยังสามารถวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในหลายๆ มิติ โดยการวิเคราะห์เทรนด์และอัตราการเปลี่ยนแปลงของไอโซโทปใน PM สามารถช่วยให้รู้ว่าแหล่งที่มาของมลพิษใดมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาหนึ่งหรือช่วยในการประเมินว่าผลของการแทรกแซงนั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่ และยังสามารถคาดการณ์ได้ว่าในอนาคต PM2.5 จะลดลงตามมาตรการควบคุมอุณหภูมิ เช่น การควบคุมการเผาไหม้ทางชีวภาพและการปรับปรุงกระบวนการการใช้เชื้อเพลิง
การคาดการณ์และการควบคุม PM ในอนาคต
การใช้เทคโนโลยี Blockchain ยังช่วยให้นักวิจัยสามารถคาดการณ์แนวโน้มของระดับ PM 2.5 ในอนาคตได้ โดยการจำลองสถานการณ์ต่างๆ ภายใต้เป้าหมายการควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น การจำลองผลของการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายของการจำกัดอุณหภูมิที่ 1.5 °C และ 2 °C โดยการใช้โมเดลการคำนวณการเปลี่ยนแปลงของ PM2.5 ในภูมิภาคต่างๆ เช่น เอเชียและอเมริกา
ซึ่งการคาดการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก PM 2.5 ก็ยังคงมีระดับสูงเกินกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) หากไม่มีการควบคุมการปล่อยจากแหล่งธรรมชาติอย่างเช่น การเผาไหม้ทางชีวภาพ และฝุ่นที่เกิดขึ้นจากดิน
สรุปแล้วการใช้เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาจัดการข้อมูล isotopic ของ PM ถือเป็นการปฏิวัติวงการวิจัยมลพิษที่ไม่เพียงแค่ช่วยในเรื่องการติดตามแหล่งที่มาของ PM เท่านั้น แต่ยังช่วยให้การประเมินผลของการแทรกแซงต่างๆ เป็นไปอย่างโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ทำให้ข้อมูลเหล่านี้ มีความแม่นยำและเชื่อถือได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหามลพิษในระยะยาวและสามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ของมาตรการต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ
ที่มา : nature

