IBM ได้สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีความปลอดภัย ด้วยการเปิดตัวชิปประมวลผลควอนตัมที่ก้าวหน้าที่สุดของบริษัทในเดือนพฤศจิกายน 2025 โดยใช้ชื่อว่า “Quantum Nighthawk” ชิปใหม่นี้มีขีดความสามารถในการประมวลผลสูงถึง 120 คิวบิต (Qubit) และสามารถรองรับการทำงานของประตูควอนตัมแบบสองคิวบิตได้ถึง 5,000 ครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าขีดจำกัด 70 คิวบิตของระบบควอนตัมในปัจจุบันอย่างมาก
การเปิดตัว Nighthawk ไม่เพียงแต่เป็นการก้าวกระโดดเชิงเทคนิค แต่ยังท้าทายสถิติเดิม ๆ ในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแซงหน้าชิป Sycamore 53 คิวบิตของ Google ที่เคยประกาศความสำเร็จของ “Quantum Supremacy” ในปี 2019 IBM ยังมีแผนงานที่ชัดเจนในการพัฒนาชิป Nighthawk ให้ไปถึงระดับ 15,000 คิวบิตภายในปี 2028 ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่สำคัญในด้านฟิสิกส์ การจำลองโมเลกุล และการเข้ารหัส
แม้ว่าข่าวนี้จะสร้างความกังวลในตลาดคริปโตเกี่ยวกับความปลอดภัยของการเข้ารหัส แต่ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาให้ข้อมูลที่สร้างความมั่นใจ โดยชี้ว่า Nighthawk ในปัจจุบัน ยังห่างไกลจากการเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง ต่อการเข้ารหัสที่ใช้ในการทำธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซี
นักวิเคราะห์ระบุว่า การเจาะการเข้ารหัสแบบ RSA-2048 ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ใช้ในการทำธุรกรรมคริปโตส่วนใหญ่ โดยใช้ Shor’s Algorithm จะต้องใช้ชิปที่มีขีดความสามารถเกือบ หนึ่งล้านคิวบิต ดังนั้น Nighthawk ที่มี 120 คิวบิตในขณะนี้ จึงยังมีขนาดที่เล็กกว่าความต้องการในการทำลายความปลอดภัยของ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ หลายอันดับความสำคัญ ซึ่งหมายความว่า “กระแสความตื่นตูมของสื่อที่ว่าควอนตัมจะทำลายคริปโตนั้นถูกขยายเกินจริง”
ความก้าวหน้าทางเทคนิคที่สำคัญของ Nighthawk คือการใช้การออกแบบโครงข่ายแบบ 3D Torus ที่ช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อคิวบิตระยะไกล ซึ่งเป็นการพัฒนาเหนือกว่าโครงสร้าง 2D แบบดั้งเดิม และอาจเร่งให้เกิด “Quantum Advantage” ในสาขาต่าง ๆ รวมถึงการเข้ารหัสลับในอนาคต แต่ในปัจจุบัน นักลงทุนจึงไม่ควรตื่นตระหนก เนื่องจากเทคโนโลยีควอนตัมยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเป็นภัยคุกคามที่จับต้องได้ต่อความปลอดภัยของคริปโต.
ที่มา: @coinbureau