หนุ่มนิวยอร์กอายุแค่ 25 หาเงินล้านครึ่งภายใน 2 เดือน ด้วยการขาย AI ให้บริษัท
Sasha Aptlin ชายหนุ่มวัย 25 ปีจากดูไบและนิวยอร์ก กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่ายุค AI ไม่ได้เป็นแค่เรื่องไกลตัว แต่สามารถสร้างรายได้จริง ๆ ได้ เขาใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) พัฒนาธุรกิจจนทำเงินได้ถึง 50,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.6 ล้านบาทภายในเวลาแค่ 2 เดือน

Sasha Aptlin
เส้นทางของ Sasha เริ่มต้นจากการทำงานด้าน Machine Learning โดยเน้นไปที่ Computer Vision, Natural Language Processing และระบบแนะนำ ก่อนจะตัดสินใจก่อตั้งบริษัทให้คำปรึกษา AI ชื่อ Aptford ขึ้นมาเมื่อเดือนมกราคม 2022 ช่วงแรก ๆ งานที่ได้รับก็ยังเป็นแค่โปรเจกต์เล็ก ๆ อย่างการอธิบายเทคโนโลยี NLP ให้ลูกค้าเข้าใจ หรือสร้างต้นแบบระบบ AI ต่าง ๆ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่ ChatGPT ถูกปล่อยออกมาในเดือนพฤศจิกายน 2022 ความต้องการใช้บริการ AI พุ่งสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะผู้ประกอบการต่างเห็นโอกาสในการลดเวลาและเพิ่มกำไร แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร จึงหันมาจ้าง Sasha ให้เข้ามาช่วย
ตอนแรกลูกค้าส่วนใหญ่แค่อยากได้แชตบอทตอบคำถามลูกค้าธรรมดา ๆ แต่ปัจจุบันความต้องการเปลี่ยนไปแล้ว บริษัทต่าง ๆ ต้องการ “ระบบ AI เต็มรูปแบบ” ที่ช่วยสร้างรายได้ให้ธุรกิจได้จริง ๆ Sasha เลยได้สร้างโปรเจกต์ที่หลากหลายและน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วย AI สำหรับเทรนนิ่งฝ่ายขายที่ส่งแบบประเมินทักษะ ประมวลผลอัตโนมัติ และแนะนำแนวทางพัฒนาให้พนักงานแต่ละคน หรือ AI Coach สำหรับ Startup Accelerator ที่คอยให้คำปรึกษาผู้ก่อตั้งธุรกิจแบบเรียลไทม์ รวมถึงระบบจัดการขนส่งอัตโนมัติที่ช่วยลดงานเอกสารซ้ำซ้อนให้บริษัทขนส่ง
โปรเจกต์ที่เขาชื่นชอบที่สุดคือ การสร้างแพลตฟอร์ม AI ภายในให้กับบริษัทสินเชื่อที่อยู่อาศัยในซานฟรานซิสโก ซึ่งเขาปรับแต่งโมเดล AI ด้วยเอกสารกฎหมายและข้อมูลภายในบริษัท ทำให้เจ้าหน้าที่สินเชื่อสามารถค้นหาคำตอบให้ลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ ผลลัพธ์คือ เวลาในการตอบคำถามลดลงจาก 20 นาทีเหลือแค่ไม่กี่นาที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมหาศาล

ในช่วงธันวาคม 2023 ถึงกุมภาพันธ์ 2024 Sasha ทำรายได้เกือบ 50,000 ดอลลาร์จากสัญญาจ้างแค่สองฉบับ และยังมีงานอีก 12,000 ดอลลาร์ที่ถูกเลื่อนออกไป รวมถึงรายได้เพิ่มเติมจากการให้คำปรึกษา การทำงานของเขาแบ่งเป็น 3 เฟสชัดเจน เริ่มจากวิเคราะห์ขั้นตอนการทำงานของลูกค้า วางแผน และประเมินความเสี่ยง ตามด้วยการพัฒนาและปรับแต่งระบบตามข้อเสนอแนะ และปิดท้ายด้วยการประเมินผลงานและต่อยอดไอเดียไปยังโปรเจกต์ถัดไป โดยเขามักใช้โมเดลจากค่ายใหญ่อย่าง OpenAI, Anthropic และ Cohere โดยเฉลี่ยแล้วหนึ่งโปรเจกต์ใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของงาน
แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นเสมอไป Sasha ยอมรับว่าปัญหาใหญ่สุดคือ การจัดการความคาดหวังของลูกค้า หลายคนต้องการให้เขาสร้างระบบเสร็จภายในวันเดียว ทั้งที่ความจริงต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ บางคนไม่พอใจกับผลงานสุดท้ายเพราะคาดหวังในสิ่งที่เกินจริง เช่น มีคนขอให้สร้างระบบ AI คู่สนทนาเหมือนในหนังเรื่อง Her หรือแชตบอทที่ทำหน้าที่แทนพนักงานทั้งหมดได้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีบางโปรเจกต์ที่ถูกยกเลิกเพราะบริษัทกังวลเรื่องข้อมูลรั่วไหลและกฎหมายคุ้มครองข้อมูล
สำหรับบริษัทที่อยากเริ่มต้นใช้ AI Sasha แนะนำให้ทำความเข้าใจ LLMs ก่อนว่าสามารถทำอะไรได้บ้างและจะช่วยแก้ปัญหาธุรกิจได้อย่างไร จากนั้นเก็บข้อมูลให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบันทึกการประชุม เอกสารการขาย หรือคอนเทนต์การตลาด เพราะสิ่งเหล่านี้คือวัตถุดิบสำคัญที่จะใช้ฝึก AI ให้เข้าใจบริบททางธุรกิจ และควรเริ่มทดลองด้วยเครื่องมือสำเร็จรูปก่อน เช่น แพลตฟอร์มสร้างแชตบอท เพื่อให้เห็นภาพจริงว่าเทคโนโลยีสามารถช่วยอะไรได้บ้าง เขากล่าวทิ้งท้ายว่า “การลงมือทำเองคือทางที่ดีที่สุดที่จะเข้าใจว่าเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพแค่ไหน”
ที่มา : businessinsider

