Paul Atkins ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เผยว่า เขากำลังพิจารณาจัดตั้งระบบจัดหมวดหมู่ใหม่ ที่ชื่อว่า “Token Taxonomy” เป็นระบบหรือวิธีการที่ใช้ในการจำแนกประเภทของโทเคน เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในประเด็นว่า “เหรียญคริปโตแบบไหนเป็นหลักทรัพย์ และแบบไหนไม่ใช่”
แนวคิดนี้ถือเป็นการเปลี่ยนท่าทีครั้งใหญ่ของ SEC จากแนวทาง “เน้นบังคับใช้กฎหมาย” ในอดีต มาสู่แนวทาง “ให้ความชัดเจนและสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อผู้ประกอบการมากขึ้น”
Paul Atkins พูดถึงเรื่องนี้ระหว่างการประชุม FinTech Conference ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน โดยระบุว่า
“Token Taxonomy จะอ้างอิงจากหลักการ “Howey Test” ซึ่งเป็นเกณฑ์ดั้งเดิมที่ใช้วิเคราะห์ว่า การลงทุนใดเข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายของสหรัฐฯ”
Paul Atkins อธิบายว่า โทเคนในโลกคริปโต มีหลายประเภท และส่วนใหญ่ไม่ควรถูกจัดว่าเป็นหลักทรัพย์
“ผมมองว่า โทเคนประเภท Digital Commodities, Digital Collectibles และ Digital Tools ไม่ถือเป็นหลักทรัพย์ แต่โทเคนที่เป็นการแทนสิทธิ์ในทรัพย์สินทางการเงิน (Tokenized Securities) นั้นใช่หลักทรัพย์ เพราะมันแสดงถึงการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ในคำจำกัดความของคำว่า ‘Security’”
Atkins กล่าวเสริมว่า “การที่ SEC มีแนวทางที่สมเหตุสมผลและชัดเจน ไม่ใช่ตัวกำหนดอนาคตของตลาดคริปโตโดยตรง ตลาดต่างหากที่จะเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งสิ่งที่ SEC ทำได้คือ การสร้างกฎที่มั่นคงและยุติธรรม เพื่อให้สหรัฐฯ ยังคงเป็นพื้นที่ที่คนสามารถทดลอง เรียนรู้ ล้มเหลว และประสบความสำเร็จได้”
ท่าทีของ Atkins มีขึ้น หลังจากที่คณะกรรมาธิการการเกษตรของวุฒิสภาสหรัฐฯ นำโดย John Boozman (R-AR) และ Cory Booker (D-NJ) เพิ่งเปิดตัวร่างกฎหมาย “โครงสร้างตลาดคริปโต” (Crypto Market Structure Draft) เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า
ร่างกฎหมายนี้ กำหนดให้ SEC (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) และ CFTC (คณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์) ต้อง “ร่วมมือกันออกกฎระเบียบระหว่างหน่วยงาน” เพื่อกำกับดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น
John Boozman กล่าวว่า “ในขณะที่สภาคองเกรสกำลัง ขยายอำนาจให้หน่วยงานต่าง ๆ ดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น เราต้องแน่ใจด้วยว่า พวกเขามีเครื่องมือ บุคลากร และทรัพยากรเพียงพอ ในการทำหน้าที่ใหม่นี้ ควบคู่กับความรับผิดชอบที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน”
ที่มา : cryptonews

