เกิดเหตุการณ์ขัดข้องครั้งใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก เมื่อ Cloudflare ผู้ให้บริการ CDN และระบบความปลอดภัยระดับโลก ประสบปัญหาหยุดทำงานตั้งแต่เวลาประมาณ 11:20 น. UTC (18:20 น. ตามเวลาประเทศไทย) ในวันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานหลายสิบล้านคนทั่วโลก และทำให้บริการออนไลน์ยอดนิยมจำนวนมากไม่สามารถเข้าใช้งานได้
Cloudflare ยืนยันว่า ปัญหาเกิดจาก “การพุ่งขึ้นผิดปกติของปริมาณการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ” (Unusual Traffic Spike) ซึ่งนำไปสู่การทำงานที่ผิดปกติของเครือข่ายหลัก และทำให้เกิดข้อผิดพลาดในวงกว้างคือ 500 Internal Server Errors การล่มครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการพึ่งพาผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเพียงไม่กี่ราย ซึ่งเมื่อ Cloudflare ขัดข้อง ก็ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ “เว็บล่มเป็นโดมิโน” ทั่วโลก นอกจากนี้ยังไม่มีรายงานการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้โดยตรง
บริการที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการหยุดทำงานของ Cloudflare รวมถึงแพลตฟอร์มสำคัญที่ขับเคลื่อนชีวิตดิจิทัลในปัจจุบัน ได้แก่ Social Media อย่าง X (Twitter เดิม) และ Facebook รวมถึงบริการปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง ChatGPT และบริการสตรีมมิ่ง/เกมออนไลน์อย่าง Spotify และ League of Legends ซึ่งการล่มของเครือข่ายหลักนี้ส่งผลให้เว็บไซต์จำนวนมหาศาลที่พึ่งพาบริการของ Cloudflare แสดงข้อผิดพลาด HTTP 500
การหยุดชะงักครั้งนี้ทำให้เกิดความกังวลด้านความน่าเชื่อถือ ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Cloudflare (NET) ร่วงลงกว่า 5% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ โดย ณ เวลา 13:35 น. UTC (20:35 น. ตามเวลาประเทศไทย) Cloudflare ได้รายงานถึงการฟื้นตัวของบริการบางส่วนแล้ว แต่ยังยอมรับว่าผู้ใช้งานอาจจะยังคงพบปัญหาการเข้าถึงเป็นระยะ เนื่องจากปริมาณการเข้าใช้งานที่สูงเกินกว่าปกติในระหว่างที่ระบบกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัว.
ที่มา: @netblocks , @KobeissiLetter

