เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา ช่อง BillionaireBoy ในรายการ Talk Talk Trader ได้เผยแพร่เรื่องราวของคุณอ้วน จักรพันธ์ ประจวบเหมาะ หรือฉายาพ่อมดน้อยทางการเงิน บุคคลผู้ที่อยู่ในวงการหุ้น และคริปโต ที่ประสบความสำเร็จมากในการลงทุนและในการเทรด ปัจจุบันเป็นทั้งนักลงทุน และเป็น founder เกี่ยวกับโปรเจกต์ AI
ผ่านคลิปวิดีโอที่ชื่อ “ใครจะเชื่อว่าขาดทุนร้อยล้าน (ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน)”
โดยคุณอ้วนยังได้แชร์มุมมองสิ่งที่สำคัญที่สุดด้านการเทรดของตัวเองด้วย “หลักการลงทุน 3 ประการ”
ซึ่งฉายา พ่อมดน้อยทางการเงินนั้น คุณอ้วนเล่าว่า มาจาก สื่อหุ้นสมัยก่อน สมัยประมาณเกือบ 10 ปีแล้ว ที่คุณอ้วนชอบลงทุนในหุ้น แล้วก็ค่อนข้างจะสร้างกำไรได้เยอะ แล้วก็มีชื่อเสียง เกี่ยวกับการสร้างเงินน้อยไปจนเยอะ ปั้นพอร์ตจากหลัก 5 แสนถึง 1 ล้านไปถึงระดับ 100 ล้าน ในระยะเวลาที่ไม่ได้นานมาก ทำให้ได้ฉายานี้




เรื่องราวของคุณอ้วนก่อนที่จะประสบความสำเร็จ คุณอ้วนเคยทำธุรกิจ ทั้งขายน้ำดื่ม ซึ่งประสบความสำเร็จในตอนเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ อายุ 22-23
“ผมเป็นคนชอบค้าขาย ชอบทำธุรกิจตั้งแต่เรียนมหาลัยแล้ว เราก็เริ่มค้าขายเริ่มทำธุรกิจมาเรื่อยๆ และเราก็ขยายธุรกิจต่อเนื่อง แล้วสุดท้ายจุดเปลี่ยน ก็คือเราเห็นว่าโอกาสธุรกิจที่เราทำ มันเป็นแค่พ่อค้าแม่ค้าทั่วไป ซึ่งไม่สามารถที่จะทำให้เรารวยได้ เราเลยต้องมองหาธุรกิจที่มันทำให้เรารู้สึกว่าดีขึ้น และก็ยกระดับเราได้มากขึ้น ”
“เราก็เห็นโอกาสว่าตอนนั้น น้ำดื่มไม่ได้ขายดี และก็สถานที่ที่เราอยู่มันขาดแคลน และมันก็ส่งไม่ทัน เราก็เลยฉวยโอกาสเปิดโรงงานผลิตน้ำดื่มตรงนั้นเลย และเราก็รู้สึกว่าประสบความสำเร็จมาก และก็ทำเงินได้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ ”

หลังจากทำธุรกิจน้ำดื่มแล้ว คุณอ้วนก็ขยายต่อ ไปทำโรงงานผลิตขวด แล้วก็ขยายไปทำปั๊มน้ำมัน แล้วก็มาทำธุรกิจมอเตอร์ไซค์ แล้วก็จัดไฟแนนซ์ ซึ่งคุณอ้วนก็ประสบความสำเร็จมาตลอด
“แต่พอทำ มอเตอร์ไซค์มือสอง เราเริ่มเห็นโอกาสว่ามอเตอร์ไซค์มือสอง มันขายดีกว่ามือหนึ่ง แล้วก็ยังไม่มีแบรนด์ ก็เอามอเตอร์ไซค์มือสอง มาอยู่ในแบรนด์ของเรา แบรนด์ฺ JP WORLD ก็ขยายไปหลายๆ สาขา แล้ว ผมเริ่มขายแฟรนช์ไชน์ เพราะผมรู้สึกว่า จะได้เงินก้อนเข้ามาเยอะ แล้วก็ประสบความสำเร็จ มีคน พีคสุดก็ 100 กว่าสาขาทั่วประเทศ ”

“แล้วก็เป็นบริษัทมหาชนด้วย ตอนนั้นก็เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ เต็มที่เลย คือทุนจดทะเบียนร้อยล้านชำระเต็ม แล้วก็เข้าเจอวิกฤตเลย ยิ่งใหญ่ยิ่งเจอปัญหา ปัญหาก็จะแก้ยากขึ้น เพราะมันใหญ่ ทั้งวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ การเมือง ทำให้ธุรกิจเริ่มมีปัญหา ก็เข้าตลาดไม่ได้ตามแผน ก็เริ่มลง กำไรเริ่มหาย ”
หลังจากนั้นคุณอ้วน ก็หาธุรกิจอื่นทำต่อไป สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง จนขาดทุนหลักร้อยล้าน ภายในไม่กี่เดือน
พิธีถามว่า “อะไรที่ทำให้ก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนและการเทรด”
คุณอ้วน กล่าวว่า “เรื่องของการลงทุน ผมลงทุนมาตลอด ตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ เริ่มเล่นหุ้นมา พอร์ตอาจจะเล็กหน่อย อาจจะหลักแสน หรือว่าหลักหมื่น แต่ว่ามาพีคช่วงที่ทำมอเตอร์ไซค์นั้นแหละ ก็คือลงทุนด้วย พอร์ตตอนนั้นก็หลักร้อยล้านแล้ว แต่พอมอเตอร์ไซค์มันเจ๊ง เราก็ต้องเอาเงินออกไปอุดมัน เลยทำให้ล้ม ล้มไปหมดเลย ”


คุณอ้วน กล่าวเสริมว่า “ แล้วก็เลยเพิ่งกลับมาฟื้นฟูพอร์ตใหม่ ก็คือตอนที่เริ่มทำธุรกิจใหม่ ก็ฟื้นฟูมาเรื่อยๆ ”
พิธีถามว่า “แล้วในวันที่เริ่มต้นเข้ามาสู่โลกของการลงทุนเนี่ย สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพี่อ้วน ถ้าให้ยกตัวอย่าง 3 ข้อ มีอะไรบ้าง”
คุณอ้วน กล่าวว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมเจอประสบการณ์เองกับตัว คือ 1. ซื้อต้องซื้อ ถูกที่ ถูกเวลา อย่างเช่น Bitcoin ซื้อถูกที่ ถูกเวลา ได้ทุกเวลานะ ซึ่งเมื่อ 2 ปีก่อน ผมไปซื้อถูกที่ ถูกเวลา ตอนหมื่นกว่า อันนั้นก็ฟาดก้อนใหญ่หน่อย”

“ข้อ 2 คือ พาตัวเองไปอยู่ให้ถูกที่ ต้องรู้จักหากลุ่มคนที่เขาเป็น owner ของโทเคน ของหุ้นก็ดี เราจะได้ร่วมไปกับเขา มันจะทำให้เราได้เปรียบ เราอย่าเอาตัวเองเป็นนักลงทุนรายย่อย ถ้าเราอยู่กับกลุ่มใหญ่ เราก็ได้เปรียบ ก็อยู่ฝั่งผู้ชนะเอาง่าย ๆ ดีกว่า ทั้งลงคอร์ส เข้าอบรมต่าง ๆ ”

“ข้อสามก็เรื่องของการทำกำไร ก็คือต้องรู้ว่าตรงไหนควรขาย ต้องรู้จักพอ แล้วต้องรู้จัก cut loss มันเป็นเรื่องเดียวกัน ถ้าผิดทาง ต้องรู้จัก cut loss ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ”

คุณอ้วนยังได้แนะนำคนที่ไม่ยอม Cut loss ว่า ควรจะแก้ปัญหายังไง โดยกล่าวว่า
“ถ้าเป็นผม ผมจะกำหนดไว้เลยว่า ตัวไหนที่ผมเล่นสั้นจริงๆ อย่างเช่น ถ้าอยากซิ่ง ผมก็จะโยกเงินเข้าไปใน 30% ที่เรามี เราไม่เล่นเยอะ ถ้าผิดทางปุ๊ปออกเลย บางที่ไม่ต้องต้องถึง 10% ด้วย ถ้ามันรู้สึกว่า ซื้อปุ๊ปแล้วมันเริ่มลงเนี่ย ผมออกเลย ออกตั้งแต่ 3-4% แล้วไม่ต้องรอเลย ถ้าคิดจะเทรดสั้นนะ ถ้าเทรดกลาง 10% ก็ยังถือรอ ยังก้ำกึ่ง เพราะงั้นต้องถามตัวเองให้ได้ว่า จะเล่นสั้นหรือกลางหรือยาว ถ้ายาวนี่ไม่ต้องไปดู ถ้าสั้นต้องดู 10% ต้องออก ไม่งั้นหมดตูดจริงๆ เพราะสั้นเรารู้อยู่แล้วว่าเราเล่นสั้น ใจเราไม่นิ่งอยู่แล้ว มันต้องออกสถานเดียวเลยครับ ไม่ต้องเสียดาย แต่ถ้ามันไปต่อก็ไม่ต้องกลัว ไปเข้าตัวอื่นก็ได้ โอกาสมีเสมอ เอาทุนไว้ก่อน”
พิธีถามว่า “แล้วอย่างในช่วงชีวิตของพี่อ้วน ก่อนมาสำเร็จ มีช่วงที่ขาดทุน แล้วเจ็บปวดในตลาดไหม ที่หมดเงินไปกับการเทรดและลงทุน”
คุณอ้วน กล่าวว่า “ในเรื่องของการเทรด ผมว่าคุมง่ายกว่าธุรกิจ ผมไม่ค่อยเจ็บปวดกับมันเท่าไหร่ แต่ผมไปเจ็บปวดกับธุรกิจเยอะกว่า ”
พิธีถามว่า “แล้วมันมีช่วงไหนไหมที่พี่อ้วนขาดทุนหนักที่สุดในการลงทุน ที่เป็นเงินจำนวนมาก ช่วยเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟังหน่อยได้ไหม ”
คุณอ้วน กล่าวว่า “จริงๆ มันเป็นเรื่องของการเทรดหุ้นตัวหนึ่ง ก็พักใหญ่แล้ว ก็ขาดทุนแล้วไม่ยอมออก ไปถั่วมันไปยัดท้ายมัน สุดท้ายมันลงๆ ต่อ มันเป็นหุ้นปั่น มันลงไปซะจนแบบว่า ขาดทุนทุกราคา สุดท้ายก็ต้องออก ออกด้วยติดลบ ลบเยอะครับ ประมาณ 40% ตอนนั้น 20 กว่าล้าน เพราะด้วยเหตุที่ยังวัยรุ่น แล้วมันเสียดาย มันไม่ยอม cut”

“คือจริงๆจะเล่นสั้น รู้อยู่แก่ใจละ พอปุ๊ปซื้อไปไม้แรก มันลงต่อ ก็สู้อีก ลงไปลง สู้ สู้ อย่างเนี้ย จนมันลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายทุบตาย นี่คือบทเรียนราคาแพง เพราะฉะนั้นถึงบอกเลยว่า ถ้าตั้งเป้าเล่นสั้นแล้วเนี่ย ต้อง Cut อย่างเดียวเลยครับ ไม่ต้องเสียดาย ถ้าเสียดาย นี่มีแต่ตายอย่างเดียว เพราะเราไม่รู้ใจเจ้า เขาหรอกว่าเขาจะทำยังไง”


