Tom Lee นักวิเคราะห์ชื่อดังจาก Fundstrat ได้ออกมาเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้ตลาดคริปโตถล่มลงอย่างรุนแรง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2025 จนเป็นชนวนให้ราคา Bitcoin ร่วงลงไปถึง $81,000 นั้น ไม่ได้เกิดจากแรงเทขายของนักลงทุน แต่เป็น “บั๊กด้านการกำหนดราคา Stablecoin” ที่เกิดขึ้นบนกระดานเทรดคริปโต
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา Tom Lee ให้สัมภาษณ์กับสื่อข่าว CNBC ว่า ตัวการที่แท้จริงคือ Stablecoin ตัวหนึ่งบนกระดานเทรดยักษ์ใหญ่ที่มีการร่วงลงอย่างกะทันหันเหลือเพียง $0.65 เนื่องจาก “ความผิดพลาดในการกำหนดราคาภายใน” (Internal Pricing Error) เพียงครั้งเดียว
ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวนี้ นำไปสู่การกระตุ้นกลไก Auto-Deleverage (ADL) ซึ่งเป็นระบบป้องกันของกระดานเทรดให้ทำงานทันที กลไกนี้จะทำการบังคับปิดโพสิชั่นของนักเทรด และส่งผลให้เกิดการล้างพอร์ตอัตโนมัติหลายล้านรายการ ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้นักเทรดจำนวนมากถูกกวาดล้างออกจากตลาดและบัญชีมาร์จิ้นถูกปิดลงพร้อมกัน
Lee อธิบายว่า ทุกครั้งที่มีการล้างพอร์ตจะเพิ่มแรงเทขายและส่งผลกระทบแบบลูกโซ่ไปยังกระดานเทรดอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกันทั้งตลาด ผลักดันให้เกิดการล้างพอร์ตต่อเนื่องไปในตลาดที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก
เหตุการณ์นี้ถือเป็นผลกระทบแบบลูกโซ่ที่เกิดจากข้อบกพร่องในระดับโค้ด และมีความรุนแรงถึงขั้นกระทบกับงบดุลของผู้สร้างสภาพคล่อง (Market Makers) โดยตรง จนทำให้พวกเขาถูกบังคับให้ต้องถอนสภาพคล่องออกจากตลาดอย่างรวดเร็ว การดึงเงินทุนออกครั้งใหญ่นี้ ส่งผลให้ความลึกของตลาด (Market Depth) อ่อนแอลง ทั่วทั้งระบบนิเวศคริปโต
ผลกระทบของเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ให้บริการสภาพคล่องหลีกเลี่ยงการนำเงินกลับเข้าตลาด ขณะที่กระดานเทรดคริปโตก็เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมความเสี่ยง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วทำให้ตลาดโดยรวมเข้าสู่ภาวะตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง และเป็นสาเหตุที่ดันให้ราคา Bitcoin และสินทรัพย์หลักอื่น ๆ ดิ่งลงอย่างยาวนาน ตลอดช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
Lee เน้นย้ำว่า การร่วงลงของตลาดคริปโตรอบล่าสุด ไม่ได้เกิดจากการแพนิคของนักลงทุน แต่เป็น “ความล้มเหลวเชิงโครงสร้าง” ที่ลุกลามเร็วจนหยุดไม่ทัน เมื่อสภาพคล่องลดลง ความผันผวนก็พุ่งสูงขึ้นทันที และยิ่งเร่งแรงขายให้หนักกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม Tom Lee ไม่ได้เปิดเผยชื่อของ Stablecoin และกระดานเทรดที่เป็นต้นเหตุ แต่เขาระบุว่า ความล้มเหลวครั้งนี้ เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างระบบล้างพอร์ตอัตโนมัติ, บั๊กด้านการกำหนดราคา และ Circuit Breakers ที่ไม่แข็งแรงเพียงพอ ทำให้เหตุการณ์วันที่ 10 ตุลาคม กลายเป็นหนึ่งในบทเรียนที่สะเทือนอุตสาหกรรมคริปโตมากที่สุดในประวัติศาสตร์
ที่มา:ethnews