<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักกลยุทธ์การเงินระดับโลก คาดตลาดจะมีการ “ปรับฐานแบบควบคุมได้” ใน 6 เดือนข้างหน้า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังเร่าร้อน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องจนหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “นี่คือสัญญาณฟองสบู่หรือเปล่า?” ก็มีเสียงเตือนสำคัญดังขึ้นจาก David Roche นักกลยุทธ์ระดับโลกจาก Quantum Strategy ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ตรงไปตรงมาว่า แม้ภาพรวมตลาดจะดูดี แต่กำลังเข้าใกล้ภาวะที่ต้องจับตาอย่างยิ่งและคาดว่าภายใน 6 เดือนข้างหน้านี้ ตลาดอาจมีการ “ปรับฐานแบบควบคุมได้” หากทุกอย่างเดินหน้าอย่างราบรื่น

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ AI พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง จนหลายฝ่ายเริ่มแสดงความกังวลว่า ตลาดกำลังเข้าใกล้ “ฟองสบู่ AI” หรือไม่ David Roche นักกลยุทธ์จาก Quantum Strategy ได้ให้สัมภาษณ์ และชี้ให้เห็นว่า การเกิดฟองสบู่ มี 2 ปัจจัยหลัก ๆ คือ ฟองสบู่หนี้ (หนี้นอกภาคการเงินที่สูงมากจนมีขนาดเท่ากับ 4 เท่าของ GDP สหรัฐฯ ) และฟองสบู่สินทรัพย์ (การประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่สูงเกินจริง)

แม้ David Roche จะยอมรับว่า AI มีประโยชน์ แต่เงินกำลังไหลเข้าสู่ภาคส่วนนี้มากเกินไป โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่บริษัทจำนวนมากถูกขับเคลื่อนด้วยอีโก้ มากกว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจที่แท้จริง เมื่อเทียบกับจีนที่สามารถพัฒนา AI ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน แต่ใช้เงินลงทุนน้อยกว่ามาก จึงทำให้ได้ข้อสรุปว่า มูลค่าของหุ้น AI ในปัจจุบัน เริ่ม “แพงเกินจริง”

David Roche ระบุว่า ตอนนี้กำลังเฝ้าดู 3 สัญญาณคลาสสิกของการเกิดฟองสบู่แตกในตลาด ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น, การเริ่มมีบริษัทล้มละลาย, และการตรวจพบกรณีการฉ้อโกง โดยเชื่อว่า หากเทคโนโลยี AI ไม่สามารถสร้างรายได้ ได้ตามกระแสความคาดหวังที่สูงเกินจริง สัญญาณทั้งสามนี้ก็จะเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นในตลาด

นอกจากนี้ เขายังมีมุมมองที่แตกต่างอย่างเด่นชัดต่อสินทรัพย์เสี่ยง และสินทรัพย์ปลอดภัย โดยต่อต้าน Bitcoin อย่างชัดเจน
“ผมไม่เห็นเหตุผลอะไรดี ๆ ใน Bitcoin เพราะไม่มีมูลค่าที่แท้จริง และมักจะเป็นตัวแรกที่โดนเสมอ เมื่อฟองสบู่ในตลาดเริ่มแตก”

อย่างไรก็ตาม David Roche กลับมีมุมมองแบบขาขึ้นต่อทองคำ โดยเขาเชื่อว่า แรงขับเคลื่อนของราคาทองคำยุคนี้ ไม่ได้มาจากทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ แต่เป็นผลจากการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะจีนที่กำลังสร้างระบบการค้าระหว่างประเทศแบบไม่พึ่งดอลลาร์ ทำให้ทุนสำรองของหลายประเทศมีแนวโน้มขยับเข้าหาทองคำมากขึ้น

Roche คาดการณ์ว่า สัดส่วนทองคำต่อทุนสำรองทั่วโลกจะเพิ่มจาก 25% ในปัจจุบัน ไปสู่ 30% ในปีหน้า ซึ่งอาจผลักดันราคาทองคำให้พุ่งขึ้นแรงที่สุดในช่วง 24 เดือนข้างหน้า

ในประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ David Roche ยังมีมุมมองเชิงลบต่อโอกาสการทำข้อตกลงสงบศึกในยูเครน โดยเชื่อว่า ดีลดังกล่าว “ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย” เพราะเงื่อนไขไม่เป็นประโยชน์ต่อรัสเซีย ขณะเดียวกันยุโรปและยูเครนก็ไม่น่าจะยอมรับเงื่อนไขที่มีอยู่ 

David Roche ได้วิจารณ์ร่างข้อตกลงฉบับแรกว่า เป็น “หนึ่งในข้อตกลงทางการทูตที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา” และมองว่าหากความขัดแย้งยืดเยื้อ ตลาดโลกจะได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะยุโรปที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้นท่ามกลางการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ที่เริ่มอ่อนแรงลง

ท้ายที่สุด David Roche ชี้ว่า เศรษฐกิจโลกจะกลับมามีเสถียรภาพได้ ต้องอาศัย 2 เงื่อนไขสำคัญ คือ หน่วยงานกำกับดูแลต้องควบคุมการปล่อยเครดิตได้ดีขึ้น และฟองสบู่ AI ต้องค่อย ๆ ยุบแบบ “คุมทิศทางได้” ไม่ใช่แตกกระแทกจนตลาดปั่นป่วนทั้งหมด

หากทุกอย่างเดินไปในแนวทางนี้ การปรับฐานของตลาดอาจเกิดขึ้นอย่างราบรื่น และกลับมามีความสมเหตุสมผลขึ้นได้ ภายในช่วง 6 เดือนข้างหน้า

ที่มา : economictimes