S&P Global Ratings ได้ประกาศลดเรตติ้งความมั่นคงใน Stablecoin ของ Tether อย่าง USDT ลงสู่ระดับ “อ่อนแอที่สุด” ซึ่งได้จุดชนวนความกังวลว่า เหรียญนี้จะสามารถรักษาการ Peg มูลค่าที่ 1 ดอลลาร์ไว้ได้อย่างมั่นคงหรือไม่
การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันพุธนี้ได้ก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างเข้มข้นในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน และสร้างคำถามใหม่เกี่ยวกับ Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานหลักกลุ่มหนึ่ง
การปรับลดอันดับดังกล่าวเกิดขึ้นจากสาเหตุหลักคือ ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดรับสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เช่น Bitcoin และความกังวลในวงกว้างเกี่ยวกับความโปร่งใสของ Tether สำหรับผู้เล่นในตลาดคริปโตใต้ดินของจีนที่คาดว่ามีจำนวนถึง 20 ล้านคน ซึ่งพึ่งพา USDT เป็นช่องทางสำคัญในการเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล แม้จะมีคำสั่งห้ามของรัฐบาลการประกาศนี้จึงถือว่ามาในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด
S&P ระบุว่า Tether มี Bitcoin คิดเป็น 5.6% ของสินทรัพย์หนุนหลัง ซึ่งสูงกว่า หลักประกันส่วนเกินเหนือมาร์จิ้นที่มีเพียง 3.9% ดังนั้นหากราคา Bitcoin หรือสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ ร่วงลง อาจส่งผลให้สินทรัพย์สำรอง ไม่เพียงพอต่อการครอบคลุมมูลค่าของ USDT
รายละเอียดของสินทรัพย์สำรองที่หนุน USDt stablecoin ที่มา: S&P Global Ratings
นอกจากนี้ Tether ยังถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเอลซัลวาดอร์ ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายที่ผ่อนปรนของ CNAD ประเทศเอลซัลวาดอร์ และยังไม่เคยมีการตรวจสอบงบการเงินอย่างละเอียด
อย่างไรก็ตาม S&P ก็ออกมาชี้แจงว่า สินทรัพย์หนุนหลังของ USDT ถึง 75% ยังคงมาจากพันธบัตรสหรัฐฯ และตราสารการเงินระยะสั้น ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ในขณะเดียวกันทาง Tether ได้ออกมาตอบโต้รายงานของ S&P Global Ratings อย่างรุนแรง โดยกล่าวว่า
พวกเราไม่เห็นด้วยอย่างแรง กับการจัดเรตติ้งครั้งนี้ เนื่องจาก S&P ไม่เข้าใจความสำคัญในระดับมหภาคของ เงินดิจิทัลที่เกิดบนอินเทอร์เน็ตโดยตรง และไม่ได้พิจารณาข้อมูลเชิงลึกที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ USDT
นอกจากนี้ Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether ก็ยังได้วิพากษ์วิจารณ์วงการจัดเรตติ้ง โดยเหน็บแนมว่า
“โมเดลเรตติ้งแบบเก่า ๆ เคยทำให้คน เชื่อใจบริษัทที่ได้เรตติ้งดี แต่สุดท้าย กลับล้มทั้งระบบมาแล้ว”
เทรดเดอร์จีนแตกเป็นสามฝ่าย: สงบ, กังวล, และทฤษฎีสมคบคิด
ข่าวการลดอันดับนี้กลายเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงอย่างรวดเร็วบน Weibo และ WeChat ซึ่งเป็นช่องทางหลักที่เทรดเดอร์คริปโตในจีนใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการคาดการณ์ตลาด ในกลุ่มเหล่านี้ USDT ไม่ใช่แค่โทเคน แต่เป็นสินทรัพย์พื้นฐานที่ทำให้ตลาดใต้ดินทั้งหมดสามารถทำงานได้
ปฏิกิริยาของเทรดเดอร์มีความหลากหลายอย่างมาก เทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์บางส่วนไม่สนใจรายงานดังกล่าว โดยมองว่าเป็นเพียงความตื่นตระหนกตามปกติที่จะจางหายไปโดยไม่มีผลกระทบ แต่คนอื่น ๆ กลับแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด โดยผู้ใช้รายหนึ่งเตือนในโพสต์ที่ถูกแชร์อย่างกว้างขวางว่า “ถ้าเกิดระเบิดลูกนี้ขึ้น ตลาดสกุลเงินดิจิทัลก็จะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์”
ความตื่นตระหนกยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากตลาดคริปโตของจีนส่วนใหญ่ทำการซื้อขายผ่านคู่สกุลเงินที่ใช้ USDT เป็นหลัก หลังจากการห้ามแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ในจีนแผ่นดินใหญ่ กิจกรรมการซื้อขายส่วนใหญ่จึงต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศและโต๊ะ OTC ที่ใช้ USDT เป็นช่องทางหลักในการแปลงเงินหยวน
ความขัดแย้งนี้ยังจุดชนวนให้เกิดทฤษฎีสมคบคิด ผู้ใช้บางรายระบุว่า อาจมีคู่แข่งอย่าง USDC และ USD1 กำลังจัดฉากสร้างความกลัวเพื่อบั่นทอนอำนาจของ Tether แม้จะไม่มีหลักฐานใด ๆ มารองรับ ซึ่งข้อกล่าวอ้างเหล่านี้สะท้อนถึงความตึงเครียดที่มีมาอย่างยาวนานในภาค Stablecoin ขณะที่การตรวจสอบทั่วโลกกำลังเข้มข้นขึ้น ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้สนับสนุน USDC ก็ฉวยโอกาสนี้มาโต้แย้งว่า การกำกับดูแลที่ดีขึ้นและการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนกว่า ทำให้ USDC เป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือกว่า
เศรษฐกิจคริปโตใต้ดินของจีนระส่ำ
แม้จะมีการปราบปรามอย่างกวาดล้างของปักกิ่ง ซึ่งเริ่มต้นด้วยข้อจำกัด ICO ในปี 2017 และสิ้นสุดลงด้วยการสั่งห้ามการทำธุรกรรมคริปโตและการขุดทั้งหมดในปี 2021 แต่กิจกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลของจีนก็ไม่เคยหายไปไหน ตรงกันข้าม มันได้ย้ายไปยังต่างประเทศและกลายเป็นตลาดใต้ดิน งานวิจัยระบุว่า ณ ปี 2024 มีพลเมืองจีนมากกว่า 20 ล้านคนถือ Bitcoin พวกเขาใช้งานผ่าน VPN, การแลกเปลี่ยนในต่างประเทศ, เครือข่าย OTC, และกลุ่มการซื้อขายส่วนตัว โดยมี USDT ทำหน้าที่เป็นสะพานสำคัญ ในการแปลงเงินหยวนเป็นสภาพคล่องที่ตรึงกับดอลลาร์เพื่อเข้าร่วมในตลาดโลก
การพึ่งพา USDT นี้จึงอธิบายได้ว่า เหตุใดการลดอันดับของ S&P จึงสร้างความไม่สบายใจอย่างมาก การพึ่งพาของตลาดจีนต่อ USDT หมายความว่า แม้แต่การรับรู้ถึงความอ่อนแอเพียงเล็กน้อย ก็อาจกระตุ้นให้เกิดความไม่มั่นคงตามมาเป็นลูกโซ่ โดยเฉพาะในภาคส่วนที่ผู้ใช้ขาดการคุ้มครองทางกฎหมาย, ช่องทางเข้าสู่ระบบที่มีการควบคุม, หรือกลไกการบังคับใช้ใด ๆ
ณ ขณะนี้ Tether ยังคงยืนยันว่าทุนสำรองของตนได้รับการสนับสนุนอย่างสมบูรณ์, มีสภาพคล่อง, และแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา อย่างไรก็ตาม ภายในเศรษฐกิจคริปโตที่ไม่เป็นทางการและกว้างใหญ่ของจีน ความเชื่อมั่น ไม่ใช่แค่หลักทรัพย์ค้ำประกัน คือสกุลเงินที่แท้จริง และในสัปดาห์นี้ ความเชื่อมั่นดังกล่าวก็ได้รับผลกระทบไปแล้ว
ที่มา : cointelegraph