<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

จับตา! แบงก์รัฐจีนเข้าแทรกแซงตลาด ทุ่มซื้อดอลลาร์สกัดหยวนแข็ง สะเทือนถึงตลาดคริปโตฯ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานความเคลื่อนไหวสำคัญในตลาดการเงินโลก เมื่อธนาคารของรัฐบาลจีนได้เข้าซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดภายในประเทศจำนวนมาก ปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจนเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินหยวน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้สร้างความประหลาดใจด้วยการกำหนดอัตราอ้างอิงเงินหยวนรายวันที่ระดับ 7.0733 ต่อดอลลาร์ ซึ่งถือว่าอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2565 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก

การที่จีนต้องเร่งพยุงค่าเงินในครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นมาตรการเร่งด่วนเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ “สงครามการค้า” รอบใหม่ที่อาจปะทุขึ้น หากโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง ซึ่งมาพร้อมกับนโยบายกำแพงภาษีที่รุนแรงขึ้น สะท้อนถึงความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสองมหาอำนาจที่กำลังกลับมาคุกรุ่น

ประเด็นนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตฯ อย่างไร?

ในระยะสั้น การที่จีนซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่เข้าซื้อดอลลาร์ ได้ช่วยพยุงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ให้กลับมามีเสถียรภาพ หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกันถึง 10 วันก่อนหน้านี้ ตามข้อมูลจากบลูมเบิร์กชี้ว่า เมื่อค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหรือหยุดร่วง มักจะสร้างแรงกดดันทางอ้อมต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซีที่ซื้อขายในคู่สกุลเงินดอลลาร์ (เช่น BTC/USD) ซึ่งอาจทำให้ราคาดูเหมือนปรับตัวลง หรือเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในช่วงเวลานี้

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมระยะยาว ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจมหภาคระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น มักถูกมองว่าเป็นปัจจัยเร่งให้นักลงทุนสถาบันและรายใหญ่มองหา “สินทรัพย์ทางเลือก” เพื่อกระจายความเสี่ยง

ในสถานการณ์ที่ความไม่แน่นอนของระบบการเงินดั้งเดิมเพิ่มสูงขึ้น Bitcoin มักจะได้รับความสนใจในฐานะ “ทองคำดิจิทัล” หรือสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง ดังนั้น แม้ระยะสั้นอาจมีแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ แต่ความตึงเครียดระดับโลกนี้อาจเป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการยอมรับในตัว Bitcoin มากขึ้นในระยะยาว

ที่มา: @WatcherGuru