ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน Upbit เว็บเทรดคริปโตยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ได้ถูกมิจฉาชีพโจมตีและขโมยคริปโตออกไปเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายกว่า 4.4 หมื่นล้านวอน ส่งผลทำให้หน่วยงานกำกับดูแลต้องเร่งปรับแก้กฎหมายอย่างเร่งด่วน
รายงานระบุว่า เกาหลีใต้กำลังเตรียมพร้อมที่จะบังคับใช้กฎความรับผิดชอบที่ไม่มีข้อบกพร่อง ในระดับธนาคารกับแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต โดยกำหนดให้แพลตฟอร์มเหล่านี้ต้องมีมาตรฐานเดียวกับสถาบันการเงินดั้งเดิม
ปัจจุบัน คณะกรรมการบริการทางการเงิน (FSC) กำลังทบทวนข้อกำหนดใหม่ที่จะกำหนดให้แพลตฟอร์มซื้อขายต้องชดเชยความเสียหายให้แก่ลูกค้าในกรณีที่เกิดจากการแฮกหรือระบบล้มเหลว แม้ว่าแพลตฟอร์มนั้นจะไม่ได้มีส่วนผิดก็ตาม
สำหรับการผลักดันครั้งล่าสุดได้เกิดขึ้นตามหลังเหตุกาณ์การแฮกเว็บเทรด Upbit อีกทั้งในปัจจุบันทางหน่วยงานกำกับดูแลได้เริ่มเล็งเห็นถึงความผิดปกติของบรรดาแพลตฟอร์มซื้อขายและแสดงความกังวล
หน่วยงานหน่วยงานกำกับดูแลของเกาหลีใต้ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่ากังวลเกี่ยวกับ 5 เว็บเทรดคริปโทฯ ยักษ์ใหญ่ในประเทศ ได้แก่ Upbit, Bithumb, Coinone, Korbit และ Gopax โดยระบุว่านับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมามีรายงานระบบขัดข้องรวมกันกว่า 20 ครั้ง สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและผู้ใช้งานคิดเป็นมูลค่ากว่า 5 พันล้านวอน
จากปัญหาดังกล่าว นำไปสู่การผลักดันการแก้ไขกฎหมายฉบับใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม โดยจะบังคับใช้มาตรฐานความปลอดภัยทางไอทีขั้นสูง และเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น โดยสมาชิกรัฐสภากำลังพิจารณากฎหมายที่อนุญาตให้ ปรับเงินสูงสุดถึง 3% ของรายได้ประจำปี สำหรับกรณีเกิดเหตุถูกแฮก (จากปัจจุบันที่มีเพดานค่าปรับสูงสุดเพียง 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
นอกจากนี้ กรณีล่าสุดของ Upbit ยังถูกเพ่งเล็งอย่างหนักเรื่องความล่าช้าในการรายงานเหตุการณ์ โดยพบว่าแม้จะตรวจพบการโจมตีตั้งแต่ช่วง 05:00 น. แต่กลับแจ้งไปยังหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน (FSS) ในเวลาเกือบ 11:00 น. ซึ่งล่าช้าไปหลายชั่วโมง
ประเด็นนี้ทำให้สมาชิกสภาฯ บางส่วนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็น “เจตนาถ่วงเวลา” หรือไม่ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่ Dunamu (บริษัทแม่ของ Upbit) เพิ่งเสร็จสิ้นดีลควบรวมกิจการกับ Naver Financial
ที่มา : Cointelegraph

