ช่วงปลายปี 2025 ตลาดโลหะมีค่ากลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง ไม่ได้มีเพียงแค่แร่เงิน (Silver) เท่านั้น ที่พุ่งทำสถิติสูงสุดจนถูกยกให้เป็น “โลหะปีศาจ” แต่ล่าสุด “ทองแดง” (Copper) ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน หลังราคาปรับตัวขึ้นกว่า 30% สร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ $11,771 ต่อตัน ได้สำเร็จอีกราย
แรงหนุนสำคัญมาจากนโยบายเศรษฐกิจของจีน และการกักตุนทองแดงของสหรัฐฯ โดยราคาทองแดงมีการดีดตัวขึ้นทันที หลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศชัดว่า จะใช้นโยบายการคลัง “เชิงรุก” และการเงินแบบ “ผ่อนคลาย” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
นโยบายดังกล่าวถือเป็นสัญญาณบวกต่ออุตสาหกรรมจีนที่ใช้ทองแดงจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นโครงข่ายไฟฟ้า และงานโครงสร้างพื้นฐาน ของคอมพิวเตอร์ที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด

Xu Wanqiu นักวิเคราะห์จาก Cofco Futures ชี้ว่าแถลงการณ์ของรัฐบาลจีนประกาศชัดเจนว่า รัฐต้องการผลักดันเศรษฐกิจผ่านการอัปเกรดโครงข่ายไฟฟ้าและระบบคอมพิวติ้ง ทำให้ทองแดงซึ่งเป็นสเมือนโครงสร้างสำคัญของไฟฟ้าและ Data Center ได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย
ขณะที่ตัวเลขส่งออกจีนเดือนล่าสุดก็ฟื้นตัวแรงจนดุลการค้าทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก ช่วยผลักดันตลาดโลหะคึกคักยิ่งขึ้น
ด้านราคาตลอดปี 2025 ทองแดงในตลาด Longdon Metal Exchange (LME) กระโดดขึ้นมากกว่า 30% เพราะต้องรับแรงอุปสงค์จากศูนย์ข้อมูล (Data Center) และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ขณะที่ฝั่งอุปทานกลับตึงตัวหนักขึ้น เหมืองผลิตแร่ได้ไม่ทันและยังมีเหตุหยุดการผลิตหลายแห่ง ทำให้วัตถุดิบขาดแคลนต่อเนื่อง
แรงซื้อยิ่งเร่งตัวขึ้นไปอีกจากความกังวลว่าสหรัฐฯ จะเร่งกักตุนทองแดงเพื่อตั้งรับมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในปีหน้า ส่งผลให้สต็อกโลหะลดลง ค่าพรีเมียมพุ่งทำสถิติใหม่ และราคาฟิวเจอร์สในตลาดนิวยอร์กปรับตัวสูงกว่าลอนดอนแบบผิดปกติ
นักวิเคราะห์จาก CITIC Securities เตือนว่าโลกอาจเผชิญภาวะขาดแคลนทองแดงแปรรูปมากถึง 450,000 ตันในปี 2026 ซึ่งหมายความว่า ราคาอาจต้องยืนเหนือระดับ 12,000 ดอลลาร์ต่อตัน เพื่อดึงเงินลงทุนสำหรับการขยายเหมืองใหม่ในระยะกลางถึงยาว
ปัจจุบันราคาทองแดงปิดตลาด LME อยู่ที่ $11,635.50 ต่อตัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันที่โลหะส่วนใหญ่ปรับตัวลง ยกเว้นทองแดงและสังกะสีที่ยังยืนแข็ง สะท้อนความต้องการที่ยังแรงต่อเนื่องในตลาดโลก

