สำหรับใครที่เพิ่งเรียนจบ หรืออยากเริ่มต้นทำธุรกิจแต่ติดตรงที่ “ทุน 0 บาท” และไม่รู้จะเริ่มยังไง ลองมาฟังเคล็ดลับจาก “ท๊อป จิรายุส” ผู้ก่อตั้ง Bitkub ที่จะมาเผยวิชาหาเงินที่ไม่มีสอนในรั้วมหาวิทยาลัยเพื่อยืนยันว่า คนตัวเล็กก็สามารถสร้างอาณาจักรหลายพันล้านได้ หากมีวิธีคิดและกลยุทธ์ที่ถูกต้องตั้งแต่ก้าวแรก
คุณท๊อปเริ่มต้นจากการปูพื้นฐานเรื่อง 3 ทักษะความมั่งคั่ง ที่คนอยากรวยต้องแยกให้ออก คือการสร้าง (Create Wealth), การขยาย (Grow Wealth), และการรักษา (Maintain Wealth) ซึ่งสำหรับคนต้นทุนศูนย์ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ใช้แรงและเวลาแลกเป็นความเชี่ยวชาญเพื่อสร้างเงินก้อนแรก
แต่จุดเปลี่ยนชีวิตที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อคุณเข้าใจทักษะการขยายความมั่งคั่ง จนสามารถใช้กลยุทธ์ OPM (Use Other People’s Money) หรือการใช้เงินคนอื่นมาสร้างธุรกิจได้สำเร็จ ซึ่งไม่ใช่การเอาเปรียบ แต่คือการออกแบบดีลแบบ Win-Win ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน
นอกจากการมีทักษะการเงินที่ดีแล้ว การเลือกสนามแข่งหรือ Macro Decision ถือเป็นเรื่องชี้ชะตาชีวิตในอีก 30 ปีข้างหน้า คุณท๊อปย้ำว่าความขยันอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องเลือกไปอยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็นขาขึ้น (Sunrise Industry) อย่างยุคนี้ก็ต้องเป็น Crypto , AI หรือ Longevity ที่มีโอกาสเติบโตเป็น 10-100 เท่า ซึ่งต่อให้เราไม่ได้เก่งที่สุด แต่กระแสของตลาดที่ใหญ่พอก็จะพาเรารวยตามไปด้วย
ในทางตรงกันข้ามถ้าไปอยู่ในอุตสาหกรรมขาลง (Sunset Industry) ต่อให้เก่งแค่ไหนก็เหมือนกับคนที่ทำงานรับจ้างปลุกคนตอนเช้า พอโลกมีนาฬิกาปลุก ก็จะถูกแย่งงานไปจนหมด ทำไปก็เหนื่อยฟรี
ไฮไลท์สำคัญที่หลายคนรอคอยคือวิชา “จับเสือมือเปล่า” หรือ Financial Engineering ที่ช่วยให้เป็นเจ้าของธุรกิจได้โดยไม่ต้องควักเงินสักบาท คุณท๊อปยกตัวอย่างให้เห็นภาพ โดยเปรียบเทียบ Bitkub กับกรณีการซื้อร้านดอกไม้มูลค่า 5 ล้านบาท แทนที่จะเดินไปกู้แบงค์เพื่อเป็นหนี้
เขาแนะนำให้มองหาว่า “ใครได้ประโยชน์ที่สุดถ้าดีลนี้สำเร็จ” ซึ่งคำตอบคือ โรงงานส่งดอกไม้ ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือ เดินไปเจรจากับโรงงานว่า หากยอมออกเงินซื้อร้านให้ คุณจะการันตียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 4 เท่าตลอดสัญญา
วิธีนี้จะทำให้เจ้าของเดิมได้เงินเกษียณ โรงงานได้ยอดขายระยะยาว และตัวคุณก็ได้ร้านมาบริหารฟรีๆ ซึ่งโมเดลนี้เองคือ วิธีที่ Bitkub ใช้ระดมทุนเพื่อ Takeover บริษัทไอทีที่มีพนักงาน 20 คนในช่วงเริ่มต้น ทำให้มีทีมงานพร้อมลุยทันทีโดยไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่
นอกจากนี้ คุณท๊อปยังได้เตือน Founder มือใหม่ว่า “อย่าดูแค่ตัวเลข Valuation สูงๆ” แต่ให้ดู Non-Financial Terms เช่น ใครได้เงินก่อนถ้าบริษัทเจ๊ง ซึ่งเคล็ดลับของคุณท็อปคือ อย่าตั้งราคาบริษัทเอง ให้หานักลงทุนที่มีชื่อเสียงมาเป็นคนกำหนดราคาบริษัท โดยให้ Non-Financial Terms ที่ดีมากๆ เพื่อแลกกับ Valuation ที่สูงขึ้น แล้วใช้ Term Sheet หรือ “เงื่อนไขสัญญา” นั้นไปต่อรองกับนักลงทุนรายอื่นต่อ ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
เรื่องทั้งหมดถูกยืนยันด้วยความสำเร็จของ Bitkub คุณท๊อปเผยว่า มีคนลงทุนกับ Bitkub ในช่วงแรกประมาณ 300 ล้านบาท แต่ปัจจุบัน Bitkub จ่ายปันผลคืนไปแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท และจะจ่ายอีก 1,500 ล้านบาทในปีนี้
สำหรับคนที่มีเงินทุนน้อยนิดหลักหมื่น คุณท๊อปแนะนำว่า “อย่าเพิ่งคิดเรื่องลงทุน” เพราะเงินหมื่นไม่มีทางให้ผลตอบแทนแบบเปลี่ยนชีวิต สิ่งที่ควรทำคือกลับไปโฟกัสที่การ Create Wealth หรือพัฒนาทักษะเพื่อหาเงินให้ได้มากกว่ารายจ่ายเสียก่อน เมื่อมี “เงินเหลือ” เมื่อไหร่ ค่อยเริ่ม Grow Wealth เพราะการหาเงินไม่ใช่เกมของคนที่เร็วที่สุด แต่เป็นเกมของคนที่ “เลือกสนามถูก และรู้วิธีใช้เครื่องทุ่นแรง”
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเคล็ดลับฉบับคนลงมือทำธุรกิจริง สำเร็จจริงจาก “ท๊อป จิรายุส” ผู้ก่อตั้ง Bitkub กระดานเทรดคริปโตอันดับ 1 ของเมืองไทย ใครอยากฟังแบบเต็ม ๆ ครบทุกมุม สามารถเข้าไปดูคลิปเต็มได้ที่ช่อง Mr.Phoops