(16 ธ.ค.) – บัญชี X อย่างเป็นทางการของ Solana ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลสำคัญที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการบล็อกเชนว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เครือข่ายของตนได้ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์แบบ Distributed Denial-of-Service หรือ DDoS อย่างต่อเนื่อง โดยความรุนแรงของการโจมตีในครั้งนี้มีขนาดมหึมาถึงระดับ 6 เทราบิตต่อวินาที
การโจมตีในระดับความรุนแรงดังกล่าว ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นเหตุการณ์การโจมตีระบบกระจายศูนย์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว ซึ่งโดยปกติแล้ว การโจมตีเชิงปริมาณที่ส่งแพ็กเก็ตข้อมูลเข้ามาหลายพันล้านครั้งต่อวินาทีเช่นนี้ มักจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประสิทธิภาพของระบบ และเคยสร้างปัญหาให้กับผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลกอย่าง Google และ Azure มาแล้วในอดีต
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าทึ่งและเป็นประเด็นสำคัญของเหตุการณ์นี้คือ ทีมงาน Solana ได้ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่า การโจมตีขนาดใหญ่ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ “ไม่มีผลกระทบใดๆ” ต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของเครือข่ายจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายและแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพของระบบในระดับสูง
ข้อมูลตัวชี้วัดประสิทธิภาพเครือข่ายได้เผยให้เห็นข้อเท็จจริงที่สนับสนุนคำยืนยันดังกล่าว โดยพบว่าความเร็วในการยืนยันธุรกรรมค่ามัธยฐานยังคงรักษาเสถียรภาพอยู่ที่ประมาณ 450 มิลลิวินาที (ms) และค่า p90 ยังคงต่ำกว่าระดับ 700ms ตัวเลขเหล่านี้ถือเป็นความเร็วในการทำงานระดับปกติของเครือข่าย และสวนทางกับภาวะความหน่วง ที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อระบบเผชิญกับการโจมตี DDoS ในระดับนี้
เหตุการณ์ครั้งนี้จึงถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญที่ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งทางสถาปัตยกรรมของเครือข่าย Solana ที่ถูกออกแบบมาตั้งแต่ต้นให้มีความทนทานและสามารถเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์เลวร้าย การที่เครือข่ายสามารถรักษาการทำงานให้ราบรื่นได้ท่ามกลางมรสุมการโจมตีขนาดใหญ่เช่นนี้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งานและนักพัฒนาในระบบนิเวศของ Solana เป็นอย่างมาก
ที่มา: @solana

