<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เปิดโปงการโจมตีเหรียญ UST “สไตล์จอร์จ โซรอส”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อเร็ว ๆ นี้มีผู้ใช้ทวีตรายหนึ่งที่ใช้นามแฝงว่า OnChainWizard ได้ออกมาพูดถึงกระแสฮือฮาเกี่ยวกับการล่มสลายของเหรียญ Stable Coin UST ที่แม้แต่ Janet Yellen รมวคลังสหรัฐฯ ก็ยังออกมาพูดถึงเรื่องนี้ พร้อมกับเปิดโปงวิธีการโจมตีเหรียญ Stable Coin อันดับสามว่า ผู้โจมตีรายนี้ทำได้อย่างไร

OnChainWizard เล่าว่า เรื่องราวนี้ได้เริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม เมื่อ Luna Foundation Guard (หรือ LFG) เริ่มซื้อ Bitcoin เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองให้กับ $UST โดย LFG เริ่มสะสม Bitcoin ในวันที่ 3/22 และในวันที่ 26 มีนาคมมีการถือครอง BTC Position ครบมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์

ต่อมา Terra ได้ประกาศเปิดพูลใหม่ที่มีชื่อว่า ‘4pool’ เพื่อทำให้เหรียญ Stablecoin ‘UST’ และแพลตฟอร์มอัลกอริทึมสำหรับ Stablecoin ’FRAX’ ขึ้นเป็นผู้นำตลาด ซึ่งสิ่งนี้ OnChainWizard เชื่อว่า เป็นการสร้างช่องโหว่ด้านสภาพคล่องให้กับเหรียญ UST และเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้โจมตี

OnChainWizard กล่าวต่อไปว่า เราไม่รู้เมื่อไรที่ผู้โจมตีได้ทำการกู้ยืม Bitcoin จำนวน 100,000 BTC เพื่อเปิด Short Position และนำมาขายให้กับการซื้อ Bitcoin ของ Do Kwon โดย LFG เข้าซื้อ 15,000 BTC ในช่วงระหว่างวันที่ 27 มีนาคมถึง 11 เมษายน ดังนั้นเมื่อลองเอาราคาเฉลี่ยระหว่างวันที่เหล่านี้ เราจะได้ราคาต้นทุนเฉลี่ยซื้อ Bitcoin ของ Do Kwon อยู่ที่ประมาณ 42,000 ดอลลาร์พอดี

มาถึงจุด ๆ นี้เมื่อผู้โจมตีมี Short Position มูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ที่เปิดไว้และในขณะเดียวกัน ผู้โจมตีก็ได้สร้าง OTC position มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ใน $UST ทำให้ตอนนี้ LFG ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงที่จะเกิด Bank run (สถานการณ์ที่ธนาคารมีสภาพคล่องไม่เพียงพอกับความต้องการถอนเงินของผู้ใช้งาน) ด้วยการรับเงินจาก BTC short ของผู้โจมตี หลังจากนั้น 4pool ของ LFG ก็ได้ทำการลบสภาพคล่องมูลค่า 150 ดอลลาร์จากสภาพคล่องของ 3pool

สภาพคล่องถูกดึงออกมาในวันที่ 8 พฤษภาคม และหลังจากนั้นผู้โจมตีก็ได้ใช้เหรียญ UST มูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ เพื่อดูดสภาพคล่องออกจาก Curve (และ LFG ก็ได้ดึงสภาพคล่องออกอีก 100 ล้านดอลลาร์)

แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะหลังจากที่ ราคา UST เริ่มหลุด Peg และร่วงลงไปที่ 0.972 ดอลลาร์ LFG ก็เริ่มขาย BTC เพื่อตรึง Peg จนทำให้เกิดแรงกดดันด้านการขายขึ้นใน BTC และแรงซื้อ UST ที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อสภาพคล่องใน Curve หมดลง ผู้โจมตีได้ใช้ Position UST จาก OTC ส่วนที่เหลือ (650 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่านั้น) เพื่อโอนไปยังเว็บเทรด Binance เมื่อบอทติดตามธุรกรรมบน On-chain เริ่มพบเห็นการถอนเงินจากโปรโตคอลของ Anchor ความกังวลจึงค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็นความตื่นตระหนก !!

สถานการณ์เริ่มบีบบังคับให้ LFG เทขาย BTC อีกครั้งเพื่อนำมาตรึงมูลค่าให้กับ UST ในขณะที่ด้านผู้โจมตีก็เริ่มทะยอยเทขาย UST บน Binance ในที่สุดเชนก็เริ่มเกิดความแออัด ทำให้ Binance ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสั่งระงับการถอนเหรียญ $UST ไว้ชั่วคราว ส่งผลให้นักลงทุนเกิดอาการ Panic แห่เทขายเหรียญ UST กันอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้ Peg ของ UST ร่วงลงไปถึง 0.60 ดอลลาร์ ในขณะที่ $BTC ร่วงต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์

สุดท้ายนี้ผู้โจมตีรายนี้ทำเงินได้เท่าไหร่ ? คงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย แม้จะไม่มีรายละเอียดที่ระบุได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าหากผู้โจมตีรายนี้ทำการปิด Short Position Bitcoin ที่ $32,000 นั่นหมายความว่าพวกเขาจะสามารถทำเงินได้มากถึง 952 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว จากการปิด Short ในครั้งนี้ แถมเขายังมีเหรียญ UST เหลืออีก 350 ล้านเหรียญบน Binance และถึงแม้มูลค่า Peg ของ UST จะร่วงลงไปถึง 0.80 ดอลลาร์ ผู้โจมตีรายนี้ก็ยังมีเงินตั้งตัวครั้งใหม่อีก 125 ล้านดอลลาร์ บวกกับกำไรทั้งหมดอีก 815 ล้านดอลลาร์จากการ Short Bitcoin

ที่มา : ลิงก์