BONK เหรียญมีมยอดนิยมบนเครือข่าย Solana ได้สร้างความคึกคักให้กับชุมชนคริปโตอีกครั้งในวันนี้ (29 กรกฎาคม 2025) ด้วยการประกาศ burn โทเคนจำนวนมหาศาลกว่า 500,000 ล้าน BONK คิดเป็นมูลค่าราว 18.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 0.62% ของอุปทานหมุนเวียนทั้งหมด การดำเนินการครั้งนี้เกิดขึ้นผ่านแพลตฟอร์ม BonkFun และถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญในแคมเปญ “BURNmas” ที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งเน้นการลดอุปทานผ่านกิจกรรมขับเคลื่อนโดยชุมชน
กลไกการ burn ใช้ระบบ SPL Token Program ของ Solana โดยโทเคนถูกส่งไปยัง burn address ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงได้อีก ทำให้โทเคนเหล่านั้นหายไปจากระบบอย่างถาวร พร้อมทั้งสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้อย่างโปร่งใสผ่านบล็อกเชน เว็บไซต์ bonkbot.io ยังแสดงข้อมูลการ burn ทั้งในรูปของจำนวนโทเคนและมูลค่า USD อย่างชัดเจน
การ burn ล่าสุดนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการ burn อีก 500 พันล้าน BONK โดยใช้รายได้จาก BonkFun Launchpad มูลค่ากว่า 39 ล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์เชิงรุกของ BONK ในการลดอุปทานเพื่อสร้างแรงกดดันเงินฝืดในระยะยาว แม้การ burn ในวันนี้จะลดอุปทานเพียง 0.62% แต่ก็ยังถือว่ามีผลกระทบต่อกลไกตลาด โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับการ burn ครั้งใหญ่ในเดือนธันวาคม 2024 ที่ลดอุปทานถึง 1.8%
ภายใต้แคมเปญ BURNmas ชุมชนผู้ถือ BONK มีบทบาทสำคัญผ่านกิจกรรมแบบมีส่วนร่วม เช่น การโพสต์แฮชแท็ก #LetsBonk บน X (Twitter) เพื่อสร้าง engagement และสนับสนุนการ burn ทางอ้อม โพสต์ล่าสุดจากบัญชี @solananew ยังเน้นย้ำความสำคัญของเหตุการณ์นี้ด้วยภาพ BONK mascot และกราฟสถิติการ burn พร้อมข้อความจากผู้ใช้งาน เช่น “Bonk is new pump” รวมถึงการพูดถึงเหรียญอื่น ๆ อย่าง $Scarce และ $DONT ที่กำลังเดินหน้าใช้โมเดล deflationary tokenomics เช่นเดียวกัน
รายงานจาก ainvest.com ชี้ว่าโมเดลการลดอุปทานแบบเงินฝืดสามารถกระตุ้นความเชื่อมั่นในเหรียญมีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในตลาดขาขึ้น เช่นกรณี Arctic Pablo Coin ที่มีการคาดการณ์การเติบโตหลายพันเปอร์เซ็นต์หากดำเนินการ burn อย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้บ่งชี้ว่า BONK เองก็อาจได้รับผลบวกในลักษณะเดียวกัน หากกระแสความนิยมยังดำเนินต่อไป
กลยุทธ์ burn ของ BONK จึงไม่ได้เป็นเพียงการควบคุมอุปทานตามหลักเศรษฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังสร้างวัฒนธรรมชุมชนแบบ gamified ที่มีพลังและความสนุก โดยเฉพาะบนระบบนิเวศของ Solana ที่เอื้อต่อการทำธุรกรรมรวดเร็วและต้นทุนต่ำ หาก BONK รักษาทิศทางนี้ได้ต่อเนื่อง ก็อาจกลายเป็นหนึ่งในเหรียญมีมที่แข็งแกร่งและยั่งยืนที่สุดในปี 2025
ที่มา : x

