<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Perp-DEX คืออะไร ? พาเจาะลึกแพลตฟอร์มสำหรับสายเทรด ระบบทำเงินแห่งปี 2025

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

วันนี้ตลาด Perp-DEX หรือกระดานเทรดอนุพันธ์แบบไร้วันหมดอายุบนบล็อกเชน เป็นส่วนภาคที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งบทความนี้ทาง Siamblockchain จะพาไปรู้จักว่า Perpetual Exchange คืออะไร ? ทำงานอย่างไร ? แตกต่างจาก CEX (กระดานเทรดแบบศูนย์กลาง) อย่างไร และมีข้อดีข้อจำกัดอะไรบ้าง ?

Perp-DEX คืออะไร ?

Perp-DEX ย่อมาจาก Perpetual Decentralized Exchange หรือกระดานเทรดฟิวเจอร์สคริปโต หากเปรียบเทียบง่ายๆ แพลตฟอร์มเหล่านี้ก็เหมือนกับ Binance Futures หรือ Coinbase Futures เวอร์ชันบนโลกบล็อกเชน ซึ่งจะมีความเป็น Decentralized เพิ่มเข้ามา ทำให้ผู้ใช้เข้าใกล้ความเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มมากยิ่งขึ้น

ที่มา: Dune

หัวใจสำคัญของ Perp-DEX คือ การทำให้คุณสามารถเดิมพันได้ว่า ราคาบิทคอยน์จะขึ้นหรือลง โดยไม่ต้องถือบิทคอยน์จริงๆ และที่สำคัญสัญญาแบบ Perpetual ของแพลตฟอร์มเหล่านี้จะ “ไม่มีวันหมดอายุ” หมายความว่า คุณสามารถถือสถานะได้นานเท่าที่ต้องการ แต่ต้องแลกมากับการจ่ายค่า Funding Rate ทุกๆ 8 ชั่วโมง 

ดังนั้น ในบางช่วงเวลา คุณอาจเป็นคนที่ได้รับค่า Funding Rate ซึ่งจะขึ้นอยู่กับกลไกการกำหนด Funding Rate ของแพลตฟอร์ม ตามแต่ละช่วงเวลา

ในขณะที่เบื้องหลังการทำงานของ Perp-DEX จะถูกขับเคลื่อนด้วยสัญญา Smart Contract และ Oracle ที่คอยดึงราคาจากตลาด Spot มาอ้างอิงในแพลตฟอร์ม โดยผู้ใช้ยังคงสามารถถือครองสินทรัพย์ใน Wallet ของตัวเอง ไม่ต้องฝากเงินไว้กับตัวกลางใดๆ ส่งผลให้ลดความเสี่ยงจากการถูกโกงหรือถูกแฮ็กแบบที่เราเคยเห็นกันบน CEX

Perp-DEX ทำงานอย่างไร ?

การทำงานของ Perp-DEX มีกลไกที่ค่อนข้างซับซ้อน อาจต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยในการทำความเข้าใจ เริ่มจากเมื่อคุณต้องการเทรด คุณจะต้องวางหลักประกัน (Margin) เป็นเงินจำนวนหนึ่ง เช่น USDC หรือ USDT เป็นทุนค้ำประกัน ในกรณีที่ราคาเคลื่อนไหวผิดทาง จากนั้นการซื้อขายบน Perp-DEX จะมี 4 ส่วนหลักที่สำคัญ ดังนี้

(1) กลไกสำคัญอย่างแรกคือ Leverage เครื่องมือขยายผลตอบแทน ที่ทำให้คุณสามารถเปิด Position ขนาดใหญ่กว่าเงินต้น เช่น 10x , 20x หรือ 40x

ทั้งนี้ข้อควรระวังคือ ยิ่งคุณกด Leverage สูงมากเท่าไหร่ นั่นหมายถึงการทวีคูณผลกำไร/ขาดทุน ให้สูงขึ้นตามไปด้วย

(2) ถัดมาคือ “Funding Rate” เนื่องจากสัญญา Perpetual ไม่มีวันหมดอายุ จึงต้องมีวิธีการทำให้ราคาของสัญญายึดติดอยู่กับราคาจริงในตลาด Spot 

ยกตัวอย่างเช่น หากราคาสัญญา Perpetual สูงกว่าราคาจริงในตลาด Spot คนที่เปิดสถานะ Long (เดิมพันราคาขึ้น) จะต้องจ่ายค่า Funding Rate ให้คนที่เปิดสถานะ Short (เดิมพันราคาลง) และในทางกลับกัน หากราคาสัญญา Perpetual ต่ำกว่าราคาจริง คนที่เปิดสถานะ Short ก็จะกลายเป็นคนที่ต้องจ่ายค่า Funding Rate แทน  

(3) การจับคู่การซื้อขายบน Perp-DEX จะมีกลไกอยู่ 2 แบบหลักๆ 

แบบแรกคือ ระบบ AMM (Automated Market Maker) ที่ทุกการซื้อขายจะเกิดขึ้นกับ Pool เงินทุนขนาดใหญ่ วิธีนี้ใช้งานง่าย แต่ก็มีข้อเสียตรง หากเงินใน Pool น้อย ราคาจะมี Slippage สูง ซึ่งจะกระทบต่อประสิทธิภาพการลงทุนของผู้ใช้งาน

ส่วนแบบที่สองคือ ระบบ Order Book ที่เทรดเดอร์จะวางคำสั่งซื้อขายทิ้งไว้ แล้ว ระบบจับคู่ให้ เหมือนการซื้อขายหุ้นทั่วไป โดยวิธีนี้ให้จะทำให้ผู้ใช้ได้ราคาที่แม่นยำกว่า แต่มีความซับซ้อนมากขึ้น

(4) กลไกสุดท้ายคือ Liquidation เมื่อราคาเคลื่อนไหวผิดทางจาก Position ของคุณ จนหลักประกันมีไม่เพียงพอ ระบบจะทำการบังคับปิด Postion โดยอัตโนมัติ หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า “การถูกล้างพอร์ต” นั่นเอง

ตัวเลขการเติบโตของ Perp-DEX ในปี 2025

ข้อมูลจากปี 2025 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่น่าทึ่ง ในไตรมาสที่ 2 ปริมาณการซื้อขาย Perpetual-DEX ทั้งหมดพุ่งสูงถึง 8.98 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดใหม่

Hyperliquid เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งประมาณ 73% ในเดือนกรกฎาคม 2025 แพลตฟอร์มนี้ เพียงแห่งเดียวทำปริมาณการซื้อขายได้ 3.19 แสนล้านดอลลาร์ ครองส่วนแบ่งตลาดระหว่าง 65-80% ภายในเวลาเพียงสองเดือน TVL ของ Hyperliquid พุ่งขึ้นเป็น 2.7 พันล้านดอลลาร์ ทำให้นำหน้าคู่แข่งอย่างถล่มทลาย

ตัวเลขเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า Perp-DEX ที่แข็งแกร่งสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วเมื่อผสมผสานการออกแบบทางเทคนิคที่มั่นคง แรงจูงใจที่ชาญฉลาด และสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพเข้าไว้ด้วยกัน

Perp DEX ต่างจาก DEX แบบปกติ (Uniswap, PancakeSwap) อย่างไร?

แม้ว่า Perp DEX และ DEX แบบปกติจะถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชนเหมือนกัน และมุ่งเน้นในเรื่อง Non-custodial ที่ผู้ใช้เป็นผู้ถือสินทรัพย์ด้วยตัวเองเหมือนกัน แต่ทั้งสองกลับมีเป้าหมายและฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

  • DEX ปกติ (Spot DEX)
    เช่น Uniswap, PancakeSwap มุ่งเน้นการซื้อขายโทเคนแบบ Spot หรือการแลกเปลี่ยนโทเคนทันที ผู้ใช้สามารถ Swap ระหว่างโทเคนต่าง ๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องมีวันหมดอายุหรือ Funding Rate แต่อย่างใด สภาพคล่องมาจากผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Providers) ที่ฝากโทเคนไว้ในพูล
  • Perp DEX (Perpetual DEX)
    เช่น dYdX, GMX, Hyperliquid จะเปิดโอกาสให้นักเทรดเข้าเก็งกำไรผ่าน สัญญาฟิวเจอร์สแบบไร้วันหมดอายุ ที่สามารถใช้เลเวอเรจสูง (10x, 20x หรือมากกว่า) การซื้อขายไม่ได้จำกัดแค่การ Swap โทเคน แต่เกี่ยวข้องกับการถือสัญญา การคำนวณ Funding Rate การ Liquidate และการจัดการความเสี่ยง

สรุปง่าย ๆ

  • DEX ปกติ = “ตลาดซื้อขายโทเคนแบบ Spot”
  • Perp DEX = “ตลาดอนุพันธ์ที่ให้เทรดสัญญาไร้วันหมดอายุ พร้อมเลเวอเรจ”
    ดังนั้น หากคุณเป็นนักลงทุนที่ต้องการแค่แลกเปลี่ยนโทเคน การใช้ Uniswap หรือ PancakeSwap ก็เพียงพอแล้ว แต่หากคุณต้องการเก็งกำไรในลักษณะอนุพันธ์ ใช้เลเวอเรจ และจัดการกลยุทธ์การเทรดที่ซับซ้อนกว่า Perp DEX จะตอบโจทย์มากกว่า

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียชัดๆ Perp DEX vs. CEX 

ข้อดีของ Perp DEX

  • ถือครองสินทรัพย์เอง ลดความเสี่ยงจากการล่มสลายของ CEX
  • โปร่งใส ทุกอย่างตรวจสอบได้บนบล็อกเชน
  • เข้าถึงได้ทั่วโลก 24/7 ไม่มีการหยุดเทรด
  • Tokenomics และ Incentive เช่น ส่วนลดค่าธรรมเนียมสำหรับการ Stake Token หรือการแจก Airdrop

ข้อมูลในปี 2025 ชี้ว่า ปริมาณการเทรด Perp DEX ไตรมาส 2 พุ่งแตะ 898 พันล้านดอลลาร์ โดย Hyperliquid ครองส่วนแบ่งถึง 73% และมี TVL สูงถึง 2.7 พันล้านดอลลาร์

ข้อจำกัดและความเสี่ยง

  • สภาพคล่อง: แพลตฟอร์มใหม่ ๆ อาจรองรับคำสั่งใหญ่ไม่ไหว
  • Funding Rate: สามารถเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทำให้กำไรขาดทุนพลิกได้
  • Smart Contract Risk: Bug หรือ Oracle ผิดพลาดอาจทำให้เกิดการสูญเสียมหาศาล
  • กฎหมายและข้อบังคับ: อนุพันธ์เป็นสินทรัพย์ที่ถูกควบคุมเข้มข้น การเปลี่ยนแปลงกฎอาจกระทบต่อโปรโตคอล
  • การใช้งานซับซ้อน: ผู้ใช้ต้องบริหาร Leverage, Funding และความเสี่ยงด้วยตัวเอง

Tokenomics ตัวอย่าง: Hyperliquid

  • โทเคนประจำแพลตฟอร์ม: HYPE ใช้เพื่อ Stake, Governance และรับส่วนลดค่าธรรมเนียม
  • Fee Split & Burn: 93% ของค่าธรรมเนียมถูกนำไปซื้อและเผา HYPE ลดอุปทาน ส่วนที่เหลือ 7% เข้าพูลสภาพคล่อง (HLP)
  • Liquidity Pool (HLP): ฝาก USDC รับผลตอบแทนเฉลี่ย ~6.7% ต่อปี
  • TVL: ปัจจุบันราว 2.7 พันล้านดอลลาร์ (ก.ย. 2025)

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Perp DEX คืออะไร?
คือกระดานเทรดอนุพันธ์แบบไม่มีวันหมดอายุ ทำงานผ่าน Smart Contract

Perp DEX ทำเงินอย่างไร?
เก็บค่าธรรมเนียมการเทรดและ Funding Rate จากผู้ใช้งาน

แพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในปี 2025 คือใคร?
Hyperliquid ครองตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 70%

Perp DEX ปลอดภัยกว่า CEX หรือไม่?
ทั้งคู่มีความเสี่ยงต่างกัน — DEX โปร่งใสและผู้ใช้ถือเงินเอง แต่ยังเสี่ยงเรื่อง Smart Contract และกฎหมาย

ต้องทำ KYC หรือไม่?
-ส่วนใหญ่ไม่ต้อง เพียงเชื่อม Wallet ก็สามารถใช้งานได้ (ขึ้นกับข้อกฎหมายในแต่ละประเทศ)

5 อันดับ Perp DEX ที่น่าจับตาในตลาด
-Hyperliquid, Lighter, KiloEX, Aster, Paradex

โดยสรุปแล้ว Perp-DEX กำลังเข้ามาปฏิวัติวงการเทรดคริปโตแบบเดิม ๆ  ด้วยการรวมความโปร่งใสของบล็อกเชน ความสะดวกของการซื้อขายฟิวเจอร์ส และการควบคุมสินทรัพย์ด้วยตัวเอง แม้จะมีความเสี่ยงและข้อจำกัดบางอย่าง แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2025 ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ผู้คนเริ่มเห็นคุณค่าของเว็บเทรดคริปโตแบบกระจายอำนาจแล้ว 

สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองใช้งาน Perp-DEX ควรศึกษาให้ดี เริ่มต้นด้วยจำนวนเงินที่พร้อมจะเสียเต็มจำนวน และอย่าลืมว่าการเทรดเลเวอเรจมีความเสี่ยงสูง

ที่มา:nftevening