ในการประชุมสุดยอดผู้นำ ณ สาธารณรัฐเกาหลี ประธานาธิบดี Donald Trump ได้บรรลุข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้าครั้งสำคัญกับ ประธานาธิบดี Xi Jinping ของจีน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่ง “ดีลประวัติศาสตร์” ที่อาจส่งแรงสั่นสะเทือนต่อระบบการค้าโลก และแน่นอน ตลาดคริปโตอาจไม่รอดพ้นจากแรงกระเพื่อมนี้
สหรัฐฯ ลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 10%
ข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า สหรัฐฯ จะลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลง 10 เปอร์เซ็นต์ เริ่มมีผลในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 และจะชะลอการขึ้นภาษีใหม่จนถึงสิ้นปี 2026
ขณะที่จีนเองตกลงที่จะ ยุติมาตรการตอบโต้ทางการค้า ยกเลิกการจำกัดการส่งออก Rare Earth และเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ
แหล่งข่าวจากทำเนียบขาวเผยว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของ “ยุทธศาสตร์ฟื้นฟูสมดุลทางการค้า” และจะช่วยลดแรงตึงเครียดระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งลากยาวมาตั้งแต่ยุคสงครามการค้าปี 2018
จีนกลับมาเปิดตลาด และควบคุมสารตั้งต้นยาเฟนทานิล
อีกจุดสำคัญคือ จีนตกลงจะ ควบคุมการส่งออกสารตั้งต้นเฟนทานิลไปยังสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นชัยชนะด้านความมั่นคงของทรัมป์ รวมถึงจะเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ เช่น ถั่วเหลือง เนื้อสัตว์ และสินค้าเกษตรอื่น ๆ กลับเข้าสู่ตลาดจีนอีกครั้ง
นอกจากนี้ จีนยัง ยกเลิกการควบคุมการส่งออก Rare Earth และกราไฟต์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแบตเตอรี่และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งนี่สัญญาณที่นักวิเคราะห์มองว่าอาจช่วย “คลายล็อกห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยี” ที่เคยติดขัดในช่วงที่ผ่านมา
ผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดคริปโต
นักวิเคราะห์มองว่าข้อตกลงครั้งนี้อาจส่งผลในเชิงบวกต่อ สินทรัพย์เสี่ยง ทั่วโลก รวมถึงตลาดคริปโตเคอร์เรนซีด้วย
การคลี่คลายสงครามการค้าจะช่วยลดแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่า ทำให้ สินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Bitcoin และทองคำกลับมาน่าสนใจ ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงในระยะกลาง
ในอีกมุมหนึ่ง การที่จีนผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการค้าและแร่หายาก อาจเร่งการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน Web3 และ AI ทั่วโลก ซึ่งล้วนต้องพึ่งพาชิปและพลังคำนวณจำนวนมาก ส่งผลทางอ้อมให้ความต้องการใช้งาน crypto และ tokenization เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
Bitcoin เริ่มเคลื่อนไหว
หลังมีรายงานข่าวการบรรลุข้อตกลง ราคา Bitcoin ได้ขยับขึ้นจนทะลุแตะระดับ 111,000 ดอลลาร์ โดยนักเทรดมองว่านี่อาจเป็นสัญญาณบวกในช่วงสั้นก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2026
ขณะที่สินทรัพย์คริปโตฝั่งเอเชีย เช่น TON และ NEAR มีแรงซื้อเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์ว่า “ทุนจีน” จะไหลกลับเข้าตลาดคริปโตมากขึ้นหลังข้อจำกัดทางการค้าผ่อนคลาย
ในระยะยาว หากความร่วมมือระหว่างสองมหาอำนาจยังดำเนินต่อเนื่อง ปี 2026 อาจกลายเป็นช่วงเวลาที่ เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นอย่างมีเสถียรภาพอีกครั้ง พร้อมกับการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เคลื่อนไปควบคู่กัน
Source: WhiteHouse

