ช่วงนี้ใครที่ชอบดูคอนเทนต์ “สอนเทรด” ใน TikTok คงต้องตั้งสติให้ดี เพราะล่าสุดเกิดกรณีดราม่าครั้งใหญ่ในวงการเทรด เมื่อมีนักลงทุนหลายรายรวมตัวร้องตำรวจไซเบอร์ และโฆษกสภาทนายความ ให้ช่วยตรวจสอบ “โค้ชสอนเทรด” รายหนึ่ง หลังหลงเชื่อคำแนะนำและกลยุทธ์ที่สอนผ่านไลฟ์ TikTok จนสุดท้าย “พอร์ตแตก” เสียหายรวมกันกว่า 10 ล้านบาท และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ตอนนี้ติดต่อโค้ชไม่ได้แล้ว
จากรายงานของ ไทยพีบีเอส (4 พฤศจิกายน) ระบุว่า โค้ชรายนี้สอนเทรด Forex และสกุลเงินดิจิทัล โดยอ้างว่า เทรดผ่าน “แพลตฟอร์มจริง” ที่นักลงทุนทั่วโลกรู้จัก


เบื้องต้นนักลงทุนที่เสียหายเล่าว่า ได้พบเห็นโฆษณาดังกล่าว ผ่านทางสื่อออนไลน์ก่อน โดยมีการโฆษณาว่า สามารถทำผลกำไรให้ได้เป็นเปอร์เซนต์ ใครสนใจสามารถร่วมลงทุนกับโค้ชได้ แต่เมื่อโอนเงินไปประมาณกว่า 10 ครั้ง
ครั้งสุดท้ายกลับได้รับแจ้งว่า สถานะการเงินผันผวนจนพอร์ตแตก ทุนและกำไรเป็นศูนย์ จากนั้นติดต่อโค้ชผู้สอนไม่ได้ นักลงทุนที่ได้รับความเสียหาย ต่างรวบรวมหลักฐานร้องต่อ ตำรวจกองบังคับการสืบสวน สอบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เพื่อขอให้ตรวจสอบโค้ชคนดังกล่าว และเส้นทางการเงิน
นายเอ หนึ่งในผู้เสียหาย เผยว่า เฉพาะตัวเองสูญเงินไปกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายแต่ละคน หลังจากติดตามคลิปการสอน ดูจนเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญในการเทรดของโค้ช จึงสนใจลงทุน เพียงแค่นักลงทุนทำตามกลยุทธ์ของโค้ช โดยโอนเงินเข้าไปในแพลตฟอร์มที่ถูกกฎหมาย แล้วโค้ชทำหน้าที่เทรดให้ เมื่อได้กำไร นักลงทุนก็จะได้กำไรไปด้วย แต่ถ้าโค้ชขาดทุน นักลงทุนก็จะขาดทุนไปด้วยเช่นกัน

นายเอเล่าว่า “โค้ชอ้างว่าจะทำกำไรให้วันละ 5% โดยเฉลี่ย แล้วจะควบคุมความเสี่ยงให้ไม่เกิน 17-20% โดยโค้ชจะได้เปอร์เซนต์ 30% ฉะนั้นทุกคนจึงวางใจว่า ถ้าสมมติเราลงเงิน 100 บาท กรณีขาดทุนจะเสียไม่เกิน 20 บาท ทุกคนเลยเชื่อใจ แล้วเขาก็เชิญชวนให้ไปชวนเพื่อนพี่น้อง ญาติมาลงเลย ถ้า 5% ตรงนี้ ทบต้น ทบดอกไปเรื่อย ๆ 20 วัน ก็จะได้เท่าทุนละ อันนี้คือ สิ่งที่เขาโปรโมทตลอดเวลา
สิ่งที่เขาพูดเสมอมา คือ เขาจะควบคุมความเสี่ยงให้ไม่เกิน 17-20% ในทุกๆ วัน ทุกคนที่ลงทุนกับโค้ชคนนี้คือ ยอมรับความเสี่ยงได้แค่เท่านี้ แต่ในวันที่พอร์ตแตก ไม่มีการควบคุมความเสี่ยงตรงนี้เลย จนถึงช่วงบ่าย ๆ เย็นๆ ของวันนั้น เป็นการปล่อยให้พอร์ตมันแตกไปเลย โดยที่ไม่เข้ามาตอบคำถามใดๆ ในกลุ่มไลน์

ซึ่งนักลงทุนโอนเงินรับเงิน ทำด้วยตัวเอง ไม่มีผ่านบัญชีของโค้ช เพียงแต่ว่า กรณีที่โค้ชเทรดได้เราก็ได้ เขาเทรดเสีย เราก็เสีย เพียงแค่ช่วงที่เทรดกับเขามา 1-2 อาทิตย์ เขาทำได้จริงวันละ 5% ทุกคนเลยชวนเพื่อน ชวนญาติมาลงทุนให้เยอะที่สุด เพราะว่ามันได้จริง ๆ”
ด้านตำรวจ สอท.1 หลังได้ดูหลักฐาน และความเชื่อมโยงการโอนเงิน เข้าไปในแพลตฟอร์มดังกล่าว ยังไม่ได้สรุปว่า เป็นสแกมเมอร์ หรือเป็นการลงทุนสกุลเงินกับโค้ชตัวจริงหรือไม่ แต่วิเคราะห์ว่า แพลตฟอร์มนี้มีอยู่จริง
อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และขอแจ้งเตือนนักลงทุน เรื่องการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย และ ก.ล.ต.ยังไม่มีการรับรอง หรือออกใบอนุญาตให้ลงทุนสกุลเงินดังกล่าว เพราะมีความเสี่ยงสูง
ขณะที่ โฆษกสภาทนายความ กล่าวถึงเรื่องการเอาผิดทางกฎหมายว่า หากจะดำเนินคดี ทางอาญา อาจทำได้ยาก เป็นข้อกล่าวอ้างที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่ในมุมของ ทางแพ่ง สามารถร้องเรียกค่าเสียหายได้จากการ “โฆษณาเกินจริง” หรือ “ไม่เป็นไปตามสัญญาที่ตกลงไว้” โดยผู้เสียหายอาจต้องไปดูทาง สภาผู้บริโภค ว่า สามารถที่จะฟ้องร้องทางแพ่งได้ไหม ถ้าเขาตีเป็นนักลงทุน อาจจะไม่เข้าข่าย ก็ต้องรวมตัวกันฟ้องร้องเอง แล้วก็ต้องไปพิสูจน์ให้ได้ว่า เขามีทรัพย์สินอยู่หรือเปล่า

