<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อัพบิตไทย แจงข้อเท็จจริง กรณีอัพบิตเกาหลี เสี่ยงฟอกเงิน ! ยืนยันดำเนินงานอย่างโปร่งใส

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อัพบิต ประเทศไทย ยืนยันกรณีข่าวที่เกี่ยวข้องกับ อัพบิต เกาหลี ที่เป็นการตรวจพบและรายงานธุรกรรมต้องสงสัยโดยสมัครใจ ไม่ใช่การกระทำผิด พร้อมเดินหน้ารักษามาตรฐานสูงสุดด้านการกำกับดูแล การป้องกันและปราบปรามฟอกเงิน และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน

นายปรีชา ไพรภัทรกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงกรณีข่าวการสืบสวนที่เกี่ยวข้องกับอัพบิต เกาหลี ว่า พบความเสี่ยงการฟอกเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลร่วมกับทีมงานเกาหลีใต้ ประเด็นดังกล่าวเป็นการตรวจพบ และรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยความสมัครใจ ทั้งนี้ จึงขอยืนยันว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าว แตกต่างจากรายงานของสื่อบางสำนักอย่างมีนัยสำคัญ

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2025 เมื่อระบบตรวจสอบภายในของ อัพบิต เกาหลี ตรวจพบบัญชีลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่อการฟอกเงิน ที่อาจเกี่ยวข้องกับกลุ่ม Huione จากประเทศกัมพูชา จำนวน 259 บัญชี จึงดำเนินการระงับธุรกรรม ตรวจสอบ เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าในระดับเข้มข้น (Enhanced Customer Due Diligence) และรายงานธุรกรรมต้องสงสัยต่อหน่วยงานรัฐทันที ผลจากการตรวจสอบนำไปสู่การเพิกถอนการเป็นผู้ใช้งาน 205 ราย ที่ไม่สามารถชี้แจงแหล่งที่มาของเงินได้อย่างเพียงพอ 

ทั้งนี้ ธุรกรรมของลูกค้าที่ต้องสงสัยดังกล่าวอยู่ในวงเงินที่ต่ำกว่าเกณฑ์ของกฎหมาย Travel Rule ของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งไม่อยู่ในขอบเขตที่ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการตามกฎหมาย Travel Rule

นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าว เกิดขึ้นก่อนที่สำนักงานเฝ้าระวังอาชญากรรมทางการเงินของสหรัฐฯ (FinCEN) จะประกาศระบุให้กลุ่ม Huione จากกัมพูชาเป็นนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ถึงสองเดือน ซึ่งสะท้อนถึงการทำงานเชิงรุก และความโปร่งใสในการรายงานต่อหน่วยงานกำกับดูแลของเกาหลีใต้

ต่อมาในเดือนตุลาคม 2025 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบข้อมูลลูกค้าตามขั้นตอนกฎหมาย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ไม่ได้เป็นการกล่าวโทษหรือบ่งชี้ถึงการกระทำผิดใด ๆ ทั้งสิ้น โดยจากผลการตรวจสอบพบว่า มีธุรกรรมรวม 8.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 5 แห่งทั่วเกาหลี ซึ่งในจำนวนนี้ อัพบิต เกาหลีมีส่วนเกี่ยวข้องเพียง 3% หรือราว 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น

นายปรีชา กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้กรณีดังกล่าวจะเกิดขึ้นที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่อัพบิต ประเทศไทย ยังคงดำเนินมาตรการด้านการกำกับดูแลและป้องกันความเสี่ยงอย่างเข้มงวดเช่นเดียวกัน โดยจากการตรวจสอบบัญชีต้องสงสัยกว่า 200,000 บัญชีที่ได้รับจากหน่วยงานตำรวจ พบว่า มีลูกค้าที่ตรงกับรายชื่อไม่ถึง 30 บัญชี และบัญชีเกือบทั้งหมดได้ถูกระงับการใช้งานไปก่อนที่รายชื่อจะถูกส่งมาจากหน่วยงานภาครัฐ 

ทั้งนี้ กฎหมายไทยยังไม่มีการบังคับใช้ Travel Rule อย่างเป็นทางการ แต่อัพบิต ประเทศไทยเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศที่นำระบบดังกล่าวมาใช้ตั้งแต่ปี 2021 เพื่อป้องกันการฟอกเงินและธุรกรรมที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง

“เราเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ยั่งยืน ต้องเริ่มจากความโปร่งใสและการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อัพบิตจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อสร้างระบบที่ปลอดภัยแ ละน่าเชื่อถือสำหรับนักลงทุนทุกคน” นายปรีชากล่าว

ทั้งนี้ อัพบิต ประเทศไทยยังเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในไทยที่ได้รับการรับรองเป็น “วิสาหกิจสีเขียว NET ZERO” เมื่อเดือนมีนาคม 2024 ตอกย้ำพันธกิจของบริษัทในการสร้างมาตรฐานการดำเนินงานที่โปร่งใส ยั่งยืน และมีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป