(16 ธ.ค. 2025) – ประเด็นร้อนในแวดวงการเมืองและการเงินสหรัฐฯ กลับมาปะทุอีกครั้ง เมื่อสกอตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ออกมาเรียกร้องอย่างเป็นทางการ ให้มีการ “สั่งห้าม” สมาชิกสภาคองเกรสทำการซื้อขายหุ้นรายตัว เพื่อขจัดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนที่เรื้อรังมานานในวอชิงตัน ดี.ซี.
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการปัดฝุ่นข้อเสนอเดิมที่เบสเซนต์เคยผลักดันเมื่อเดือนสิงหาคม 2025 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อปิดช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่างกฎหมาย แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนจากการเข้าถึงข้อมูลภายใน (Non-public information) ที่สำคัญก่อนประชาชนทั่วไป ข้อเรียกร้องนี้สอดคล้องกับร่างกฎหมายทวิภาคีที่กำลังถูกผลักดันอยู่อย่าง “ETHICS Act” ซึ่งมีความเข้มงวดกว่ากฎหมายเดิม (STOCK Act ปี 2022 ที่เน้นเพียงแค่การเปิดเผยข้อมูลการเทรด) โดย ETHICS Act จะยกระดับไปสู่การห้ามไม่ให้สมาชิกสภาคองเกรส รวมถึงคู่สมรสและบุตรที่อยู่ในอุปการะ ทำการซื้อขายหุ้นรายตัวโดยเด็ดขาด
ความจำเป็นเร่งด่วนของมาตรการนี้ถูกตอกย้ำด้วยข้อมูลสถิติที่น่าตกใจ โดยผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) ในปี 2023 เปิดเผยว่า 1 ใน 7 ของการเทรดโดยสมาชิกสภาคองเกรส สามารถสร้างผลตอบแทนที่ชนะตลาดได้สูงถึง 17.5%ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงผิดปกติและสะท้อนให้เห็นถึงความได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรมอย่างชัดเจน
ทันทีที่มีข่าวนี้ออกมา ปฏิกิริยาบนแพลตฟอร์ม X ก็แตกออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งแสดงความหวังว่ามาตรการขั้นเด็ดขาดนี้จะช่วยกอบกู้ความเชื่อมั่นของสาธารณชนที่มีต่อความโปร่งใสของสถาบันนิติบัญญัติกลับคืนมาได้ ในขณะที่อีกฝั่งยังคงตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพและช่องโหว่ในการบังคับใช้กฎหมายจริงว่าจะทำได้เข้มงวดเพียงใด
ที่มา: @WatcherGuru