ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดเผยตัวเลขสุดช็อกว่า มูลค่าการซื้อขายทองคำทุกช่องทางในประเทศพุ่งแตะระดับ 50% ของ GDP พร้อมเดินหน้าคุมเข้มผู้ค้าทองรายใหญ่หลังพบหลักฐานชัดว่าเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 68 นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ขึ้นเวทีวารสารการเงินธนาคาร และเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า ธุรกรรมทองคำในปัจจุบันกลายเป็นปัจจัยหลักที่กดดันเสถียรภาพค่าเงินบาท โดยพบว่า ในวันที่เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว สัดส่วนการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX) ของร้านทองพุ่งสูงถึง 20.5% ของปริมาณการซื้อขายรวมในตลาด ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อนที่มีสัดส่วนเพียง 8.9% เท่านั้น
เท่านั้นยังไม่พอ ปริมาณการเทรดทองคำในประเทศไทยจากผู้ประกอบการเพียง 15-16 ราย ที่เติบโตจนมีมูลค่ารวมเทียบเท่ากับ 50% ของ GDP ประเทศ โดยกลไกที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินเกิดขึ้นเมื่อผู้ประกอบการต้องขายดอลลาร์และซื้อเงินบาทเพื่อปรับสถานะการทำธุรกรรม ซึ่งมักจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวของเงินทุนมหาศาลที่ดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นทันที
ผู้ว่าฯ ธปท. ยังได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์จริงที่เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วจากระดับ 31.80 บาท ลงมาอยู่ที่ 31.40 บาทต่อดอลลาร์ จากการตรวจสอบพบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณการขายดอลลาร์ในตลาดทั้งหมดในวันนั้น มาจากการทำธุรกรรมของร้านทองเพียงกลุ่มเดียว ข้อมูลนี้จึงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ทำให้ ธปท. ต้องเรียกตัวแทนผู้ค้าทองคำรายใหญ่ 14-15 ราย เข้าพบเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 ในวันที่ 22 ธันวาคม เพื่อวางแนวทางสกัดกั้นการเก็งกำไรและตรวจสอบ “เงินเทา” ที่อาจแฝงตัวเข้ามาในระบบ
ในขณะที่มาตรการคุมเข้มในประเทศกำลังเริ่มต้นขึ้น ราคาทองคำในตลาดโลกยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดพุ่งทะยานทำจุดสูงสุดใหม่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แตะระดับ $4,486.84 ต่อทรอยออนซ์ ปรับตัวขึ้นกว่า 70% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

