ในปี 2019 นี้ คงปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเหรียญที่มาแรงที่สุดนั้นเป็นเหรียญ Libra ที่ได้เข้ามาเขย่าทั้งวงการคริปโต และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลก ถึงแม้มันจะยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแต่มันก็ได้สร้างผลกระทบไปหลากหลายอุตสาหกรรมแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้ของ Facebook เป็นเหมือนตัวนำร่องที่บริษัทระดับโลกอื่น ๆ อาจจะสร้างคริปโตตามเป็นเยี่ยงอย่าง ก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไมมันจะได้รับความสนใจมาก ๆ
อ้างอิงจากทวีตล่าสุดของนาย John McAfee ผู้สร้างแอนตี้ไวรัสชื่อดังและผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการคริปโต ได้ออกมาแสดงความเห็นและวิจารณ์เหรียญ Libra คริปโตของ Facebook ว่า มันกำลังจะทำให้ความไร้ตัวตนหายไป:
“Libra เป็นสิ่งที่จะทำให้ความตั้งใจดั้งเดิมของ Cryptocurrency (อิสรภาพในเศรษฐกิจ) นั้นผิดเพี้ยนไป มันจะทำการสร้างตัวตนแบบดิจิทัลขึ้นมาสำหรับทุกคน Facebook ได้กล่าวว่า ตัวตนแบบดิจิทัลนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่ใช่เลย! ตลาดเงินดิจิทัลซึ่งมีความไร้ตัวตนที่มีมูลค่ากว่า 7 พันล้านดอลลาร์ได้ปฏิเสธความเชื่อนั้น”
Libra is a grotesque distortion of the original intent of Cryptocurrency – economic freedom. It's a sly implementation of digital identity – our Tracking Number. "Digital identity is a prerequisite" says FB. No! The $7 billion anonymous Privacy coin market belies it. WTFU folks!
— John McAfee (@officialmcafee) July 2, 2019
อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่าที่คิด
หลังจากที่ Facebook ได้ประกาศเปิดตัวเหรียญ Libra อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา มันก็ได้รับข้อวิพากษ์วิจารณ์มากมายจากทั้งนักการเมือง, ผู้ออกกฎหมาย และผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายวงการทั่วโลก
ที่น่าสนใจคือ ชุมชนคริปโตจำนวนหนึ่งกลับไม่ค่อยเห็นด้วยกับไอเดียของ Libra เท่าไรนัก ซึ่งนาย McAfee เองก็คือหนึ่งในนั้นที่เริ่มแสดงการต่อต้านอย่างรุนแรง
อ้างอิงจากนาย McAfee เขาได้เคลมว่า Facebook กำลังจะส่งผลต่ออิสรภาพทางเศรษฐกิจกับผู้ใช้งานมัน ซึ่งไม่ใช่จุดประสงค์หลักของ Cryptocurrency
รายงานของ U.Today เผยว่านักเขียนใน Bloomberg ก็ได้ชี้ให้เห็นว่า Libra นั้นจะทำให้ Facebook สามารถควบคุมการใช้จ่ายของผู้ใช้งานได้เลย
ตลาดคริปโตซึ่งมีเหรียญส่วนใหญ่ที่จุดเด่นในความไร้ตัวตนนั้นมีมูลค่าโดยรวมกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ และเหรียญอันดับต้น ๆ อย่าง Monero ที่โฟกัสในการทำกธุรกรรมแบบไร้ตัวตนนั้นก็มีมุลค่าโดยรวมกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์แล้ว ทำให้เป็นอีกเครื่องพิสูจน์ว่า สิ่งที่ Facebook เคลมว่า ‘การมีตัวตนแบบดิจิทัลเป็นเรื่องจำเป็น’ นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกซะทีเดียว เพราะการใช้งานเฉพาะด้านอย่างการทำธุรกรรมแบบไร้ตัวตนนั้นก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่แน่นอนว่าในมุมมองของ Facebook พวกเขาอาจจะไม่ได้สนใจในเรื่องความเป็นส่วนตัวเท่าไรนัก เพราะการที่ Libra จะได้รับการอนุมัติโดยผู้ออกกฎหมายนั้นมันจำเป็นต้องทำให้มีข้อเสียน้อยที่สุด ซึ่งผู้ออกกฎหมายก็ไม่ค่อยชอบความไร้ตัวตนเท่าไรนัก
ก่อนหน้านี้ ก็มีผู้ออกกฎหมายและนักวิเคราะห์หลายคนออกมาชี้ว่า Libra จะทำให้เกิดผลกระทบด้านนโยบายการเงินในแต่ละประเทศอย่างแน่นอน และเริ่มเรียกร้องให้เกิดการร่วมมือกันในหลายประเทศเพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ เรียกได้ว่าเป็นเหรียญที่ทรงพลังมาก ๆ
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น