เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม หุ้นของบริษัท Tesla มีมูลค่าอยู่ที่ 669 ดอลลาร์ แต่หลังจากมีการประกาศยกเลิกการรับชำระเงินด้วยบิทคอยน์ในวันที่ 13 พฤษภาคม ราคาหุ้นของบริษัท Tesla ลดลง 14% เหลืออยู่ที่ 573 ดอลลาร์
จากข้อมูลการประมาณการของ Forbes เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ Elon Musk สูญเสียเงิน 2หมื่นล้านดอลลาร์
ตามข้อมูลจาก CoinGecko รายงานว่าการประกาศของ Elon Musk ไม่เพียงแต่ทำให้ราคาหุ้นของบริษัท Tesla ผันผวน แต่ยังทำให้ราคาของบิทคอยน์ลดลง 8.1% จาก 54,448 ดอลลาร์ เหลือเพียง 50,000 ดอลลาร์
Alex Mashinsky ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Celcius Network ออกมาแสดงความเห็นว่าอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีไม่ต้องการคนอย่าง Elon Musk
“บิทคอยน์มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 20 ล้านเปอร์เซ็นต์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มันเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุดในช่วง 10 ปี และอุตสาหกรรมคริปโตจะดำเนินไปได้ด้วยดีโดยไม่จำเป็นต้องมี Elon Musk” นอกจากนี้ Mashinsky ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า Tesla ทำกำไรจากการขายบิทคอยน์ส่วนหนึ่งที่ถือครองอยู่ 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเพิ่มผลการดำเนินการในช่วงไตรมาสที่ 1
ขณะเดียวกัน Michael Saylor ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ MicroStrategy ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้ Elon Musk เพิ่มบิทคอยน์ในงบดุลของบริษัท Tesla ก็ได้ออกมาพูดถึงการประกาศหยุดรับชำระด้วยบิทคอยน์ เนื่องจากความกังวลเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน
“เทคโนโลยีของบิทคอยน์ช่วยให้ผู้คน 8 พันล้านคนมีสิทธิในทรัพย์สินของพวกเขา และยังแก้ปัญหาเงินเฟ้อกับค่าเงินที่ลดลงที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี”
และเมื่อวานนี้ MicroStrategy ได้ช้อนซื้อ 271 BTC หลังจากประกาศของ Elon Musk ทำให้ตอนนี้บริษัทถือครองบิทคอยน์อยู่ 91,850 BTC
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่มอง Elon Musk ในแง่ลบ Anthony Scaramucci ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ บริษัทการลงทุน Skybridge Capital แสดงความเห็นว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ Elon Musk จะช่วยให้การขุดบิทคอยน์ใช้พลังงานสะอาด
“Elon Musk จะมีส่วนช่วยอย่างมากในการทำให้ชุมชนคริปโตหันมาให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด ด้วยการเร่งให้มีการขุดบิทคอยน์ด้วยพลังงานหมุนเวียน ตอนนี้ Elon เขากำลัง HODL” Scaramucci กล่าว พร้อมกับเดิมพัน 5 แสน Satoshis ว่า Elon Musk จะเข้าสู่ตลาดที่การขุดบิทคอยน์ใช้พลังงานสะอาด