ท่ามกลางการประทุของราคาบิทคอยทั่วโลกในขณะนี้ที่ส่งผลให้หลายๆคนต้องรีบกระโดดขึ้นรถเพื่อเดินทางสู่การทำกำไรในชนิดที่เราๆเรียกกันว่า “เงินเร็ว” โดยหลายๆคนก็เลือกที่จะเทรด ในขณะที่อีกหลายๆคนก็เลือกที่จะขุด แต่ก็มีบางคนตัดสินใจเลือกที่จะช่วยให้คน “ไม่มีโอกาสได้ ขุด มาลองขุด” ผ่านทางระบบที่เรียกว่า Cloud Mining โดยคุณวันเฉลิม ลังกาวิเขต หรือ CEO ของ HashBX แห่งประเทศไทยนั้นเป็นผู้แนะนำระบบการขุดเหรียญบิทคอยผ่านทางระบบ cloud ที่ว่านี้ ซึ่งสามารถทำให้คนที่มีเงินทุนแต่ไม่อยากปวดหัวเรื่องการวางระบบเครื่องขุดและค่าไฟมหาโหดสามารถสนุกไปกับการรับเหรียญบิทคอยแบบไม่ต้องเทรดได้
มิติใหม่แห่งการขุดบิทคอย
ปกติแล้ว การจะขุดบิทคอยให้ได้ออกมาแต่ละเหรียญจะต้องอาศัยการถอดสมการทางคณิตศาสตร์ที่ยุ่งยากและซับซ้อน สมการที่ว่านี้สามารถที่จะถอดได้ด้วยมันสมองของมนุษย์แต่อาจจะต้องกินเวลาถึงร้อยหรือพันปีกว่าจะได้ออกมาสัก 1 ซาโตชิ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่การใช้เครื่องขุด ASIC (ประเภทของเครื่องขุดบิทคอยที่มีชื่อเต็มว่า Application Specific Integrated Circuits) ที่มีความสามารถในการประมวลผลที่มีหน่วยเป็น Hash ต่อวินาทีถือกำเนิดมาช่วยอำนวยความสะดวก
แต่ทว่าเจ้าเครื่องที่ว่านี้ปัจจุบันมีราคาที่ค่อนข้างแพง อย่างเช่นตัวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในขณะนี้คือ Antminer S9 ที่สนนราคาอยู่ที่ 2,700 ดอลลาร์ ต่อเครื่องหรือประมาณ 75,000 บาท แต่ถ้าหากคุณมี 75,000 บาทเพื่อนำมาซื้อเจ้าเครื่องที่ว่านี้ก็ไม่สามารถที่จะการันตีได้ว่าคุณจะสามารถขุดบิทคอยมาเป็นกอบเป็นกำเพื่อนำมาใช้จ่ายค่าไฟที่แพงมหาศาลตอนปลายเดือน เนื่องจากการจะลงทุนขุดบิทคอยเพื่อนำพาผลกำไรแบบจริงจังนั้น คุณจะต้องมีเจ้าเครื่องที่ว่านี้อย่างน้อย 40 เครื่องในโกดังของคุณ โดยคุณวันเฉลิมได้กล่าวถึงการทำระบบ eco ststem ที่ว่านี้ด้วยการลงทุนก่อสร้างโรงงานที่มีระบบไฟฟ้า 2 เม็กกะวัตต์ หรือเทียบเท่ากับคอนโด 40 ชั้นและ 1,000 ห้องเพื่อนำมารองรับเครื่องแอนท์มายเนอร์ เอสไนน์ที่ว่านี้
“เนื่องจากเครื่อง ASIC ราคาค่อนข้างสูงครับ และการขายเป็นเครื่องๆ บริการหลังการขายค่อนข้างทำได้ลำบากมาก เพราะเครื่องอยู่ที่ลูกค้า ต้องสอนการตั้งค่าต่างๆอีกมาก และต้องเปิดเครื่องตลอดเวลา ซึ่งทำให้ปัญหาเรื่องความร้อน และกระแสไฟฟ้าเท่ากับแอร์ 18,000 BTU ต่อเครื่อง เป็นอุปสรรคอย่างมากในการขายเครื่องครับ บริษัทจึงเห็นโอกาสในการก่อสร้างโรงงานเพื่อบริการ Cloud Mining ด้วยกำลังไฟฟ้า 2 เม็กกะวัตต์ เท่ากับคอนโด 40 ชั้น 1,000 ห้อง มารองรับกำลังการผลิตจากเครื่องขุดในโรงงาน เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรให้นักลงทุนครับ ดูแลหลังการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
กล่าวโดยคุณวันเฉลิม
โดยบริการของ HashBx หากพูดง่ายๆก็คือการให้บริการเช่ายืม “กำลังขุด” ที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ให้ผ่านระบบทางเว็บไซต์ กล่าวคือผู้ลงทุนสามารถที่จะทำการเติมเงินเข้าไปในระบบเพื่อซื้อแรงขุดโดยคิดเป็น hash หลังจากนั้นก็นำเอาแรงขุดที่ซื้อนี้ไปทำการขุดบิทคอย ส่วนบิทคอยที่ได้มาก็จะถูกนำมาจ่ายให้กับผู้ลงทุนโดยอัตโนมัติผ่านกระเป๋าบิทคอยที่ตั้งค่าไว้
การตัดสินใจครั้งสำคัญ
คุณวันเฉลิมผู้หลงไหลในบิทคอยก็เหมือนกับคนทั่วๆไปที่อยากสร้างฐานะ ผันตัวเองจากการเป็นนักเขียนบอทสำหรับเทรดฟอเร็กซ์สู่เจ้าของบริษัท โดยในอดีตเขากับอาจารย์ผู้สอนการเทรดค่าเงินต่างคนต่างก็มองหาสิ่งใหม่ๆเพื่อลงทุน ก็ได้มาพบกับการขุดบิทคอยที่ค่อนข้างจะล่อตาล่อใจ ซึ่งทั้งสองได้เริ่มต้นขุดบิทคอยเมื่อตอนราวๆปี 2013 หรือยุคสมัยที่ Mt.Gox ยังรุ่งเรืองถึงขีดสุด การขุดบิทคอยของพวกเขาสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำถึงขั้นสามารถซื้อบ้านได้ 1 หลัง
บิทคอยในบางครั้งอาจเปรียบเสมือนกับทุเรียน คือมีรสหวานหอมอร่อย กินแล้วไม่อยากหยุด แต่ถ้ากินมากไปก็เกิดโทษต่อร่างกายได้ ไม่ต่างกันกับเคสของคุณวันเฉลิม หลังจากที่ธุรกิจการขุดบิทคอยกำลังเป็นไปได้สวย เขาเริ่มมองหาการลงทุนทางด้านการขุดใหม่ๆเพื่อขยายสายป่านจนกระทั่งมาพบ Cloud Mining ทว่าบริการดังกล่าวแบบที่เราเคยได้กล่าวมาแล้วนั้นว่ามักจะเต็มไปด้วยเว็บหลอกลวงที่เชิดเงินลูกค้าแล้วปิดหนีไป ซึ่งคุณวันเฉลิมสุดท้ายก็กลายเป็นเหยื่อ
“เคยได้เป็บกอบเป็นกอบเป็นกำประมาณ 10 ล้านครับ แต่สุดท้ายมาเจอเว็บหลอกเพียงไม่กี่เว็บก็ทำให้เสียเงินแถมติดลบด้วย”
เว็บหลอกที่ว่านี้คือตัวจุดประกายกระแสต่อต้านการทำ cloud mining ทั้งในไทยและต่างประเทศ กล่าวคือเมื่อพูดถึงการทำ cloud mining ก็จะทำให้ผู้ใช้บิทคอยเกิดอคติและกลัว ส่งผลให้ผู้ให้บริการ Cloud Mining ที่ถูกกฏหมายต้องมาโดนลูกหลงไปด้วย
“ลองผิดลองถูกหมดเงินไปกับเว็บจริงบ้าง เว็บ SCAM บ้าง ผมลองไปร่วมๆ 30 เว็บที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็น เว็บ SCAM ทั้งสิ้นครับ ไม่มีเหมืองจริงๆ รองรับหรือขุดจริงๆเลย สักเว็บ ปัจจุบันก็ปิดเว็บไปแล้วเกือบหมดครับ”
เสริมโดยคุณวันเฉลิม
ความไม่ยอมแพ้และความรักความหลงไหลในบิทคอยคือตัวผลักดันให้เขาเปลี่ยนชื่อจากบริษัทที่เคยเปิดเพื่อให้บริการอินเทอร์เนตความเร็วสูงและ Cloud Server จากชื่อ iNet Broadbrand มาเป็น HashBX ผู้ให้บริการทางด้านบิทคอย Cloud Mining อย่างเต็มตัว โดยการตัดสินใจที่ว่านี้ เขาไม่เพียงเลือกแต่จะเป็นผู้ให้บริการคนไทยอย่างเดียว แต่ยังเป็นผู้ให้บริการนักลงทุนนอกประเทศไทยอีกด้วย
การลงทุนที่โปร่งใส
เรียนรู้จากความผิดพลาดที่ตัวเองเคยทำไว้ และไม่เอามาเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจ คุณวันเฉลิมเชื่อว่าการทำธุรกิจ cloud mining ที่ปัจจุบันมีความเสี่ยงอยู่บนเส้นด้ายนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือความโปร่งใส ซึ่งเราคิดว่าเขามาถูกทาง
บริษัท HashBx เปิดทำการอย่างเป็นทางการโดยได้ลิขสิทธิ์มาจากบริษัท Bitmain ผู้ผลิตเครื่อง Antminer และเจ้าของ Antpool หรือ pool สำหรับขุดบิทคอยที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่สวนลุมไน๊ทบาซาร์ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้บริการและนักลงทุนสามารถเข้ามาเยี่ยมชมและดูเครื่องขุด Antminer S9 ตัวเป็นๆได้ ซึ่งถือเป็นการขจัดปัญหาทางด้านการทำธุรกิจ Cloud Mining ที่ตรงตัว ซึ่งก็คือปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือนั่นเอง โดยเมื่อถามถึงวิธีการแก้ปัญหาภาพลักษณ์ของ Cloud Mining ที่ในปัจจุบันยังถือว่าค่อนข้างเป็นด้านลบ คุณวันเฉลิมได้ให้คำตอบว่า
“ใช้เหมืองเป็นตัวนำครับ ทำในสิ่งที่นักลงทุนจับต้องได้ เข้าเยี่ยมชมกิจการได้ มองเห็นความมั่นคงในธุรกิจครับ”
คุณวันเฉลิมยังมีมาตรการทางด้านความปลอดภัยอีก กล่าวคือบิทคอยของทางลูกค้าจะถูกเก็บไว้ใน cold storage และการชดเชยบิทคอยคืนให้กับผู้ใช้งานในกรณี cold storage ถูกขโมยหรือไฟไหม้โรงงานก็จะมีให้เช่นกัน โดยเขาได้กล่าวว่าได้มีแผนรองรับทั้งหมดไว้แล้ว

เครื่องขุด Antminer S9 ในโรงงานของ HashBx
การลงทุนที่ต้องคำนวณ
ปัจจุบันเว็บ HashBX เปิดให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนซื้อกำลังขุดได้ด้วยเงินต่ำสุดเพียงแค่ 380 บาท โดยลูกค้าจะได้ทำการขุดใน Antpool ซึ่งถือเป็น pool ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คุณวันเฉลิมกล่าวว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่บิทคอยเป็นขาขึ้น ดังนั้นกำไรที่ได้จะสูงกว่าเมื่อปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาหลังการทำ Halving เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็ตาม
คุณวันเฉลิมเผยว่าผู้ลงทุนสามารถที่จะคืนทุนได้ภายในหนึ่งปีหากราคาบิทคอยยังอยู่ในระดับ 10000-30000 บาท เมื่อเลือกลงทุนบนสัญญาแบบ Lifetime กับการลงทุนด้วยเงิน 30,000 ดอลลาร์หรือราวๆ 1 ล้านบาท โดยทางผู้ลงทุนจะได้รับกำลังขุดประมาณ 100 Terrahashes, ทำเงินได้เดือนละ 2,176 ดอลลาร์หรือ 97,666 บาท แต่ต้องหักค่าไฟที่บริษัทจำเป็นต้องจ่ายประมาณ 42,000 บาทออกไปทำให้รายรับหลังหักค่าไฟออกไปแล้วอยู่ที่ราวๆ 36,000 บาท
“ถ้าบิทคอยน์ราคาสูงขึ้นเป็น $1000 ก็กำไรมากขึ้นครับ ค่าไฟเท่าเดิม 2,432 – 1,176 = 1,262 กำไรมากกว่า 1262/30000 ประมาณ 4%”
กล่าวโดยคุณวันเฉลิม
ปัจจุบัน HashBX มีผู้ใช้บริการทั้งหมดประมาณ 7,621 แอคเคาท์ โดยมีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มีกำลังขุดโดยรวมทั้งหมดอยู่ที่ราวๆ 4728.43 TH/s และถือเป็นเป็นผู้ให้บริการ Cloud Mining สำหรับบิทคอยสัญชาติไทยเจ้าแรกของไทยผู้ที่เพิ่งจะกระโดดเข้ามาในตลาดได้ไม่นานมานี้ ซึ่งทางบริษัทมีพร้อมทั้งเครื่องขุดรุ่นใหม่ล่าสุด และโรงงานขุดที่ใครๆก็สามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมได้เพื่อพิสูจน์ความโปร่งใส อย่างน้อยถ้ามีที่อยู่ในไทยก็สามารถที่จะสร้างความสบายใจให้กับนักลงทุนชาวไทยได้ไม่น้อย คุณวันเฉลิมได้ขอทิ้งท้ายไว้ว่า
“บริษัทมีความตั้งใจจริงในการดำเนินกิจการ Cloud Mining เพื่อให้บริการนักลงทุนทั่วโลก และเป็นเหมืองระดับโลกที่มั่นคงเราจึงเป็นต้นแบบเหมืองเปิด เป็นฟาร์มบิทคอยน์แห่งแรกของโลกที่ให้บริการ Cloud Mining และเปิดเหมืองให้เข้าเยี่ยมชม อีกทั้งเป็นแบบอย่างให้เหมืองอื่นๆในโลก ต้องเปิดโรงงานผลิตเงินบิทคอยน์ให้นักลงทุนได้เข้าชม และส่งผลให้เหมืองปลอมหรือเว็บ SCAM ค่อยๆหมดไปจากอุตสาหกรรมเหมืองบิทคอยน์ของเราทุกคนครับ”
หากคุณอยากจะรู้ว่าระบบดังกล่าวหน้าตาเป็นอย่างไร สามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่นี่