ลองจินตนาการว่าคุณมีเงินจำนวนราวๆ 1 ล้านบาทอยู่ในบัญชีธนาคาร และคุณต้องเลือกที่จะใช้เงินทั้งหมดนี้ในการซื้อทอง หรือบิทคอย ห้ามซื้อผสม และเมื่อคุณซื้อเรียบร้อยแล้วเจ้าสินทรัพย์ดังกล่าวนี้จะถูกเก็บไว้ในบัญชีธนาคารที่ไม่สามารถนำออกมาได้อีกเป็นเวลา 50 ปี
คุณจะเลือกอะไร?
เจ้าสินทรัพย์สองตัวนี้มีราคาที่ใกล้เคียงกัน ถ้าหากไม่นับเรื่องความผันผวนของราคาในระยะสั้นของบิทคอย แต่นำเอาเรื่องของมูลค่าในระยะยาวมาเปรียบเทียบกัน
แน่นอน คุณอาจจะบอกว่าบิทคอยนั้นใหม่กว่า และดูน่าต้องตาต้องใจกว่า รวมถึงปัจจุบันเราอยู่ในยุคดิจิตอล ไม่ใช่ยุคอุตสาหกรรมที่ใครๆต่างก็จ้องจะหาแหล่งเหมืองทองคำเพื่อลงทุนแบบสมัยก่อน แต่ก็อย่าลืมว่าทองคำนั้นมีประวัติในด้านของมูลค่ามายาวนานนับพันๆปีตั้งแต่ยุคสมัยอารยธรรมที่รุ่งเรืองโบราณ
อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถของบิทคอยนั้นได้ทำให้ผู้ที่เข้าข้าง digital currency หลายๆคนมีความเชื่อว่ามันจะสามารถเข้ามาแทนที่ทองคำได้ในระยะยาว
นาย Spencer Bogart หรือนักวิเคราะห์แห่งบริษัท Blockchain Capital ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ CoinDesk ว่า
“ถ้าหากเราลองนึกถึงเหตุผลที่ทำให้ทองคำกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนให้มูลค่ากับมันนั้น บิทคอยนั้นมีมากกว่า และเหนือกว่าเสียอีก”
เงินฝืดและเงินเฟ้อ
ข้อได้เปรียบอีกข้อหนึ่งของบิทคอยก็คือจำนวน supply ของมันนั้นมีจำกัดและโปร่งใส โดยสิ่งนี้เองสามารถที่จะขจัดความกลัวในเรื่องของเงินเฟ้อออกไปได้
“ทุกๆคนรู้กันดีว่าข้อได้เปรียบของบิทคอยก็คือมันมีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านบิทคอย ในขณะที่หลายๆคนเชื่อว่าทองคำนั้นก็คงจะเหมือนๆกันเพราะแหล่งขุดทองบนโลกนี้มีจำกัด แต่ความจริงแล้วทองนั้นเปรียบเสมือนกับระเบิดเวลาเงินเฟ้อที่น้อยคนจะรู้” กล่าวโดยนาย Chris Burniske หรือหัวหน้าฝ่ายโปรดักแห่ง ARK Investment Management
นาย Chris ได้กล่าวเพิ่มอีกว่าแหล่งขุดทองทั่วโลกนั้นได้มีเพิ่มขึ้นอย่างลับๆราวๆ 1-2% ทุกๆปีเมื่อศตวรรษที่ผ่านมา
เขากล่าวต่อว่า
“ถ้าหากคุณลองเดินไปถามคนทั่วๆไปว่าทองที่เราขุดกันอยู่ทุกวันนี้จะหมดไปจากโลกเมื่อไหร่ พวกเขาคงจะงงงวย และพยายามวาดเส้นหรือแผนผังอะไรสักอย่างให้คุณดู ซึ่งจริงๆแล้วทองมันเป็นสินทรัพย์ที่สามารถทำให้เกิดเงินเฟ้อได้ เนื่องจากจำนวนรวมของมันไม่ได้ถูกกำหนดให้ตายตัวเหมือนกับบิทคอย”
ด้วยความสามารถพิเศษของบิทคอยที่ไม่มีสินทรัพย์ตัวไหนๆเทียบได้ ถ้าลองมองในแง่ทฤษฎีแล้ว มันเหมือนกับถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสำหรับการโอนและการเก็บโดยเฉพาะ
นักวิเคราะห์หลายๆคนต่างก็แนะนำว่ามูลค่าของบิทคอยและความมีประโยชน์ของมันจะกลายมาเป็นสิ่งที่ผู้คนในอนาคตให้ความสำคัญกับมันมากขึ้นเมื่อตลาดซื้อขายของทั่วไปขยับขยายกลายเป็นตลาดดิจิตัล
“เมื่อมีระบบซื้อขายผ่านทางดิจิตอลมากขึ้นเรื่อยๆ ผมคิดว่า demand ก็จะเพิ่มขึ้นตามตัวเลขทางคณิตศาสตร์ด้วย” กล่าวโดยนาย Chris ในงานเขียนของเขา
ช้าและมั่นคง
ข้อได้เปรียบที่ทองมีเหนือกว่าบิทคอยก็คือความน่าเชื่อถือและไว้วางใจ แต่อย่างไรก็ตามหากมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านความต้องการของผู้บริโภค, การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี หรือความไม่โปร่งใสของรัฐบาลอาจจะส่งผลทำให้บิทคอยกลายเป็นตัวเลือกเบอร์ 1 ทันที
“ทองคำนั้นมีบางสิ่งที่บิทคอยไม่มี ซึ่งมันก็คือประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปีในการเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่า นี่เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้คนทั่วไปที่ต้องการจะเก็บสะสมและลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าว” กล่าวโดยนาย Spencer
ทองคำนั้นได้พิสูจน์ตัวมันเองในการเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเมื่อรัฐบาลบางรัฐบาลได้ออกกฏหมายจำกัดการครอบครองทองออกมา
สิ่งแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 1933 เมื่อประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt แห่งสหรัฐฯเคยออกกฏหมายห้ามมีทองไว้ในครอบครองในประเทศสหรัฐอเมริกา
“มากกว่า 5,000 ปีมาแล้วที่ทองคำและเงินนั้นได้พิสูจน์ตัวมันเองว่าเป็นเงินที่แท้จริง เนื่องจากมันสามารถที่จะมีอายุอยู่ได้ยาวนานกว่าอารยธรรมของมนุษย์หลายๆอารยธรรมรวมกันเสียอีก” กล่าวโดยนาย Dave Kranzler แห่ง Investment Research Dynamics
ในแง่มุมนี้ นาย Dave ได้กล่าวถึงความเสี่ยงที่อาจมีขึ้นจากคู่แข่งของบิทคอยหรือทองคำนั่นเอง
สิ่งที่ทำให้ทองคำได้เปรียบมากกว่าบิทคอยนั้นก็คือ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับองค์กรหรือเครื่องขุดของใครบางคนบนอินเทอร์เนต รวมไปถึงมันมีการปกป้องและคุ้มครองเป็นอย่างดีจากรัฐบาล กล่าวโดยนาย Dave
“มันไม่มีอะไรสามารถที่จะหยุดรัฐบาลใดๆก็แล้วแต่ในการปิดหรือทำลายอินเตอร์เนตในประเทศนั้นๆลง” เขากล่าว
“เราได้เห็นการเกิดขึ้นและดับไปของระบอบประชาธิปไตยมาแล้ว แต่ระบอบเผด็จการยังไงมันก็ต้องมีวันกลับมาได้อยู่ดี และเมื่อมันกลับมา รัฐบาลจะมีอำนาจเหนือทุกอย่างในประเทศ”
มูลค่าทางด้านแร่ธาตุ
ทองคำนั้นยังได้พิสูจน์ตัวมันเองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถจะถูกเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยีอย่างง่ายดาย
หากอ้างอิงจากนาย Chris นั้น ถึงแม้ว่าบิทคอยจะประสบความสำเร็จในการสร้างความเชื่อและวัฒนธรรมอินเทอร์เนตมาให้ผู้คนได้มาพักหนึ่งแล้ว แต่มันก็ยังอยู่บนความเสี่ยง และสามารถที่จะถูกทดแทนได้อย่างง่ายดาย
“ตำแหน่งราชาแห่งเงินดิจิตอลนั้นอาจจะไม่ได้อยู่อย่างถาวรถ้าหากบิทคอยนั้นไม่สามารถที่จะดึงดูดผู้ใช้งานใหม่ๆเข้ามาได้ รวมไปถึงหยิบยื่นความง่ายดายและสะดวกในการใช้งานให้แก่ผู้ใช้” เขากล่าว
แต่กระนั้น ดอกทิวลิปแห่งดัชช์ รวมไปถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่น, บริษัทดอทคอมและบริษัทจัดหาที่อยู่ในสหรัฐฯจะเกิดขึ้นมาและตายจากไปแล้ว แต่ทองคำนั้นก็ยังคงอยู่ไว้ได้
“ผมไม่คิดว่าทุกๆคนจะสามารถพูดได้เต็มปากว่าสินทรัพย์ที่มนุษย์นั้นสร้างขึ้นมาจะสามารถคงอยู่ได้มากกว่า 50 ปีหลังจากนี้” กล่าวโดยนาย Josh Crumb หรือผู้ก่อตั้งร่วมแห่งบริษัท GoldMoney และอดีตนักกลยุทธ์แห่ง Doldman Sachs
“ผู้คนมักจะลืมไปว่าทองคำนั้นไม่ใช่ก้อนหินของเล่น หรือสินทรัพย์สำหรับซื้อขาย แต่มันคือแร่ธาตุ ทองคำนั้นถือเป็นสินทรัพย์สำหรับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่ง 50 ปีหลังจากนี้มันก็จะยังมีค่าอยู่แน่นอน”
ในขณะที่นักลงทุนอย่างสองพี่น้อง Winklevoss นั้นได้ออกมาแนะนำเทคโนโลยีในอนาคตที่สามารถทำให้มนุษยชาติสามารถขุดแร่ออกจากอุกาบาตหรือหินอวกาศนั้นจะนำมาซึ่งการสั่นคลอนของมูลค่าของทองคำ (รวมไปถึงทำให้ความหายากนั้นลดลง) นาย Josh นั้นยังได้กล่าวอีกว่าเทคโนโลยีในอนาคตนั้นคือศัตรูที่แท้จริงของบิทคอย
“ผู้คนนั้นได้พยายามที่จะศึกษาในแร่ทองคำมานานกว่า 600 ปี ผมคิดว่าพวกเราจะได้เห็นควอนตัมคอมพิวเตอร์ออกมาทำลายบิทคอยในอีกไม่กี่ปี ก่อนที่เราจะได้เห็นการขุดแร่จากอุกาบาตเสียอีก”
จะมาแค่ชั่วคราวหรือมาทดแทน?
บางทีการตั้งคำถามว่าบิทคอยนั้นจะมาทดแทนทองคำในแง่ของการเป็นสินทรัพย์สากลนั้นอาจจะไม่เหมาะสมนัก เนื่องจากเราก็รู้ๆกันดีว่าเจ้าสินทรัพย์สองตัวนี้สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้
“ผมชอบบิทคอย โดยเฉพาะในแง่ของระยะสั้น เพราะงั้นมันก็เหมือนๆกับการกล่าวว่า ‘คุณชอบทองคำหรือคุณชอบการลงทุนในหุ้นของเฟสบุคในปี 2011 ล่ะ'” กล่าวโดยนาย Josh “สำหรับผมนั้น สองอย่างนี้คือความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“ในแง่ของการสร้างพอทหุ้นที่ดีนั้น คุณจะต้องกระจายความเสี่ยง คุณจะต้องมองหาสินทรัพย์ที่มีความแตกต่างกัน และเวลาราคาร่วงมันก็จะต้องไม่ร่วงพร้อมกัน” กล่าวโดยนาย Crhis โดยสรุปว่า
“ยังไงเจ้าสองตัวนี้มันก็สามารถที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้อยู่แล้ว แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าสนุกไม่น้อยเลยนะ ถ้าหากจับคู่บิทคอยกับทองคำให้มาสู้กันจนถึงตาย”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น