ถ้าหากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้เวลาในการซื้อขายเหรียญ cryptocurrency หรือกำลังวางแผนจะลงทุนในตัว initial coin offerings (ICO) คุณจะรู้ดีว่าสิ่งเหล่านั้นจะมีสิ่งที่เรียกว่า white paper เข้ามาเกี่ยวข้อง
เอกสารเหล่านี้คือตัวช่วยบ่งบอกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ blockchain, protocol, หรือ distributed application (dapp) ที่กำลังถูกสร้างอยู่ และมีการกล่าวถึงว่าเหรียญ ICO นั้นๆทำงานอย่างไร ในบางครั้งเอกสารดังกล่าวจะมีการเปิดเผยข้อมูลเชิงเทคนิคที่ค่อนข้างซับซ้อน ในขณะที่บางครั้งมันค่อนข้างจะเต็มไปด้วยการตลาด
กระนั้น บางคนเชื่อว่า white paper เหล่านี้ไม่สามารถบ่งบอกถึงแก่นแท้ของ ICO ตัวนั้นๆได้มากนัก
นักลงทุนสายคริปโตบางคนชอบอ่าน white paper ในขณะที่อีกหลายๆคนแทบจะไม่ได้อ่านมันเลยด้วยซ้ำ พวกเขามักจะอ่านแบบผ่านๆและถามตัวเองว่า “ทำไมพวกคุณไม่ทำสิ่งเหล่านี้ด้วยระบบฐานข้อมูลธรรมดากันนะ จะมาใช้ blockchain ทำไม”
ถามคำถามให้ถูก
นักลงทุนสายคริปโตส่วนใหญ่มักจะไม่ถามคำถามที่ดี อันที่จริงแล้วกลุ่ม community มักจะเต็มไปด้วยโพสของผู้คนทั้งใหม่และเก่าที่มักจะลงท้ายด้วยคำถามเดิมๆ หรือมีการหยิบยกคำวิพากษ์วิจารณ์ของเทคโนโลยี blockchain บางตัวแบบที่พวกเขาเคยไปอ่านเจอ
แต่ blockchain และคอนเซปหลักของระบบ decentralised นั้นสามารถเปิดประตูไปสู่ผลงานการประดิษฐ์สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆมากมาย และบางคนเชื่อว่าการจะเข้าใจจริยธรรมด้าน blockchain ได้นั้นไม่ใช่เพียงแค่การอ่าน white paper เพียงอย่างเดียว
เทคโนโลยี Blockchain นั้นอาจกล่าวได้ว่ายังใหม่นัก ดังนั้นมันควรที่จะถูกประเมินเหมือนๆกับที่บริษัทสตาร์ทอัพถูกประเมิน และการอ่านเพียงแค่ white paper เพียงอย่างเดียวเพื่อทำความเข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของระบบ เพื่อเอาไปลงทุนนั้นฟังดูอาจจะไม่สมเหตุผลเท่าไรนัก เนื่องจากว่าข้อมูลที่ได้ถือเป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของทั้งหมด
สิ่งที่ผู้ลงทุน ICO ส่วนใหญ่มักจะลืมคำนึงถึงเมื่อทำการอ่าน white paper นั้นก็คือโปรเจ็คด้าน blockchain นั้นๆจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในท้ายสุด ทำไมล่ะ? คำตอบก็คือเทคโนโลยีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กรณีศึกษาจะมีมาให้เห็นใหม่เรื่อยๆ และ blockchain ตัวอื่นๆใหม่ๆก็จะถูกสร้างและพัฒนาออกมาเพื่อมาแข่งขันกัน
หรือในอีกแง่หนึ่งก็คือ นวัตกรรมใหม่ๆมักจะเกิดขึ้น และมันไร้เหตุผลที่จะคิดว่าสิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นกับ blockchain สิ่งที่นักลงทุนควรจะคำนึงถึงให้มากที่สุดก็คือ การเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดขึ้นกับตัว dapp หรือ blockchain ที่คุณกำลังทำการปริเมินอย่างไร
แนวคิดของ VC
มันอาจเป็นเรื่องที่เหมาะสมมากวว่าที่จะนำเอาวิธีการปริเมินบริษัทสตาร์ทอัพมาใช้ในการประเมิน เหรียญ ICO นั้นๆด้วย สิ่งที่นักลงทุนหลายๆคนทำพลาดก็คือพวกเขามักจะนำเอา white paper มาใช้ประเมินเพื่อตัดสินราวกับผลิตภัณฑ์นั้นๆเป็นตัว final แล้ว
สิ่งที่คุณควรจะนึกถึงเมื่อกำลังจะเข้ามาซื้อ ICO ก็คือบริษัทสตาร์ทอัพเหล่านั้นเริ่มต้นได้อยางไร และจุดยืนตรงจุดไหนที่พวกเขาจะไปยืนในอีก 10 ปีข้างหน้า
ถ้าหากคุณต้องการจะประเมิน ICO ในลักษณะนั้น ลองใช้คำแนะนำทั้งหมด 4 ข้อด้านล่างไปปฏิบัติดู
- ทีมงาน – นี่คือสิ่งที่คุณควรจะเข้ามาดูเป็นอย่างแรก การสร้างเครือข่ายนั้นถือเป็นเรื่องยาก คุณควรจะตั้งคำถามว่าทีมดังกล่าวนี้จะสามารถดึงดูดหุ้นส่วนและนักลงทุนให้เข้ามาได้หรือไม่ ที่สำคัญคือในทีมนั้นไม่ควรมีลเพียงแค่กลุ่มคนที่ทำงานแต่ด้านเชิงเทคนิคอย่างเดียวเท่านั้น แต่ธุรกิจที่ดีควรที่จะมีแผนกต่างๆ เพื่อแสดงถึงความพร้อมว่าธุรกิจของพวกเขาพร้อมเปิดให้บริการแล้ว
- วิสัยทัศน์ – โปรเจ็คนี้กำลังหันหน้าทิศทางไปทางไหน? อะไรคือความเป็นไปได้หลังจากการทดสอบใช้งานผลิตภัณฑ์ในครั้งแรกแล้ว ยิ่งเครือข่ายสามารถทำงานได้นานมากเท่าไร มูลค่าของมันก็จะสูงมากเท่านั้น
- Scope ของงาน – กรณีศึกษาการใช้ของโปรเจ็ค blockchain นั้นกว้างหรือแคบไปหรือไม่ คำถามนี้อาจะเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากการที่ใครคนใดคนหนึ่งต้องมาทำการประเมินซอฟต์แวร์ หากระยะงานนั้นกว้างไป การสื่อสารทางและการส่งข้อความรวมถึงการวางโพซิชันของแบรนด์อาจจะสูญเสียมูลค่าของมันไปก็ได้
- ตลาดใหม่ vs. ตลาดที่มีอยู่แล้ว – บางคนเชื่อว่าเทคโนโลยี blockchain นั้นอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนโลกได้ เนื่องจากระบบ ecosystem ในปัจจุบันยังไม่มีแรงจูงใจที่จะทำการเปลี่ยนแปลงและปรับตัว เทคโนโลยี blockchain นั้นจะเข้าไปช่วยสร้างตลาดให้มีความน่าเชื่อถือไว้วางใจมากขึ้น ดังนั้นถ้าหากว่าผลิตภัณฑ์ด้าน ico มีแนวโน้มที่สามารถจะสร้างตลาดที่ใหม่กว่าเดิมได้ โดยไม่ได้ไปซ้ำกับตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงอยู่แล้วก็อาจจะน่าพิจารณามากกว่า
ดังนั้นครั้งต่อไปหากคุณจะลงทุน ICO ตัวไหนสักตัวหนึ่งให้ลองมองภาพกว้างๆอย่างเช่นเป้าหมาย จุดประสงค์ วิสัยทัศน์ สาเหตุหลักๆที่ทำไมถึงต้องสร้าง ICO ตัวนี้ออกมา และรวมถึงโอกาสความเป็นไปได้ในอนาคต และพยายามอย่าให้น้ำหนักกับ white paper มากนัก
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น