Line ซึ่งเป็นบริษัทผลิตแอปส่งข้อความยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 600 ล้านคนทั่วโลก ได้ประกาศแผนที่จะเปิดตัวบริการในการเทรด Cryptocurrency เป็นของตัวเอง
โดยในการประกาศวันนี้ Line ได้ยืนยันว่าบริษัทได้ยื่นเอกสารต่อหน่วยงานดูแลการบริการด้านการเงินของญี่ปุ่น (Financial Services Agency : FSA) เพื่อขึ้นทะเบียนและเปิดตัวบริการดังกล่าว ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา
การที่บริษัทที่ให้บริการด้านการส่งข้อความที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นนี้ได้ประกาศที่จะก้าวเข้าสู่วงการการให้บริการเทรดเหรียญคริปโตถือเป็นก้าวสำคัญ เนื่องจากจะทำให้บริการนี้สามารถใช้ได้ในแอปแชทที่มีจำนวนผู้ใช้งานชาวญี่ปุ่นกว่า 70 ล้านคน และยังเป็นแอปที่ได้รับความนิยมในประเทศอื่น ๆ อีกด้วย เช่น อินโดนีเซีย ไทย และไต้หวัน
โดย Line ยังได้วางแผนที่จะเปิดตัวบริการนี้ในต่างประเทศอีกด้วย จากรายงานของ Bloomberg กล่าวว่า Line ได้วางแผนที่จะขยายการบริการไปยังประเทศฮ่องกงและประเทศลักเซมเบิร์ก ซึ่งหาก Line ทำให้ผู้ใช้บริการของตนทั่วโลกสามารถใช้บริการนี้ได้นั้น เป็นที่คาดการณ์ว่าจะสามารถดึงผู้ใช้บริการจากเว็บ Coinbase ซึ่งเป็น 1 ในเว็บเทรดที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกที่มีผู้ใช้บริการ 13 ล้านคนใน 32 ประเทศมาได้จำนวนมากเลยทีเดียว
Line ได้เข้าร่วมในกลุ่มผู้ให้บริการการเทรดคริปโตกว่า 30 แห่งในการยื่นเอกสารต่อ FSA เพื่อที่จะเปิดตัวบริการนี้ ซึ่งจนถึงบัดนี้ FSA ได้พิจารณาและอนุญาตให้ผู้ให้บริการ 16 แห่งเปิดทำการได้แล้ว ส่วนที่เหลือยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา
โดยแนวคิดของการนำเสนอบริการการเทรดเหรียญ Cryptocurrency ของ Line นี้ได้เกิดขึ้นพร้อมกันกับการเปิดตัวบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า Line Financial ซึ่งจะให้บริการข้อมูลและเสนอการบริการด้านการเงินให้แก่ผู้ใช้งาน
โดยส่วนหนึ่งของการประกาศจาก Line ได้กล่าวว่า
“ต่อไป Line จะใช้บริษัทที่เปิดใหม่นี้เป็นพื้นฐานในการเตรียมตัวที่จะให้บริการด้านการเงินที่หลากหลายยิ่งขึ้น รวมไปถึงการให้บริการเทรดเหรียญคริปโต, การกู้ยืม และประกันภัย ทั้งหมดนี้จะเป็นสิ่งที่ทำได้ด้วยแอป Line และบริษัทจะดำเนินการพัฒนาธุรกิจด้านการเงินนี้ต่อไป”
Line Financial นั้นเจริญรอยตาม Line pay ซึ่งเป็นบริการด้านการโอนและชำระเงินที่เป็นที่นิยมภายในแอป Line ซึ่งในปี 2017 Line pay มีผู้ใช้บริการอยู่ที่ 40 ล้านคนทั่วโลก และมี volume ของธุรกรรมมากกว่า 450,000 ล้านเยน หรือ 4,100 ล้านดอลลาร์
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น