<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สมาคมไทยบล็อกเชนวอนรัฐพิจารณาทบทวนร่างกฎหมายภาษีคริปโต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อเย็นของวันที่ 27 มีนาคม ได้มีรายงานล่าสุดเกี่ยวกับกฎหมายด้าน Cryptocurrency ในประเทศไทยที่หลาย ๆ คนกำลังให้ความสนใจ โดยเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาเปิดไฟเขียวร่าง พ.ร.ก. ที่จะออกมาควบคุมและกำกับเงินดิจิตอลแล้ว โดยมีการจัดเก็บภาษี ณ ที่จ่าย 15%

 

ภายหลังทางกลุ่มบริษัทด้าน Blockchain และ cryptocurrency จึงได้รวมตัวกันเพื่อจัดตั้งสมาคมไทยบล็อกเชน โดยประกอบด้วย

  • ประเภท ก ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอล (Trading)
  • ประเภท ข นักลงทุน (Trader)
  • ประเภท ค ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการขุดหรือให้บริการเช่ากำลังขุด (Mining)
  • ประเภท ง สื่อสารมวลชน นักวิชาการ และผู้ให้คำปรึกษา
  • ประเภท จ ผู้ให้บริการ ICO และผู้ให้บริการเทคโนโลยี Blockchain

สมาคมดังกล่าวมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สมาคมไทยบล๊อกเชน หรือ TBA (Thailand Blockchain Association) ทางสมาคมได้มีการแถลงการฉบับที่สองที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความต้องการให้รัฐพิจารณาร่างกฏหมายภาษีคริปโต เนื้อหาหลักในร่างแถลงการนั้นคือการนำเสนอให้รัฐเก็บภาษีจากกระดานเทรดที่อัตรา 0.1% จากการซื้อขายหรือคือ 0.05% จากทุกๆการเทรด เพื่องให้ง่ายต่อการดูแลและนำส่งภาษีโดยกระดานเทรดจะเป็นผู้รับภาระนั้นไว้ รวมถึงความเห็นที่ว่าการเก็บภาษี ณ ที่จ่าย 15% จะเป็นการปิดกันการระดมทุนรวมถึงเม็ดเงินที่จะไหลเข้ามาในประเทศ สำหรับแถลงการฉบับเต็มมีรายละเอียดดังนี้

สมาคมไทยบล๊อกเชนถูกก่อตั้งโดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

(1)      ให้การส่งเสริมการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนทุกรูปแบบ ซึ่งรวมถึงธุรกิจให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ธุรกิจให้บริการเสนอขายเหรียญในระยะเริ่มต้น (Initial Coin Offering – ICO) การขุดหรือให้บริการเช่ากำลังขุดสกุลเงินดิจิทัล (Mining) และธุรกิจอื่นทั้งหมดที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นสำคัญ

(2)      สนับสนุนและส่งเสริมภาครัฐในการกำกับดูแลธุรกิจสกุลเงินดิจิทัล (Crypto currency) และการให้บริการเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ในประเทศไทยให้สอดคล้องกับสภาพธุรกิจ

(3)  เป็นศูนย์กลางเพื่อตกลงและวางระเบียบ หลักเกณฑ์ และจรรยาบรรณเพื่อใช้ร่วมกันในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพธุรกิจและเป็นประโยชน์ต่อภาคประชาชน และ

(4)      เป็นศูนย์ให้ความรู้ รวบรวมและกระจายข้อมูลข่าวสารสำหรับธุรกิจตามข้อ (1) เพื่อให้สมาชิกประกอบธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและทันต่อเหตุการณ์ รวมถึงเตือนภัยที่อาจเกิดขึ้นแก่ภาคประชาชน

 

สำหรับสมาชิกของสมาคมนั้นมากจากผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวกับ Blockchain โดยมีรายชื่อกรรมการและที่ปรึกษาดังนี้

กรรมการสมาคม

  1.         ดร.ประเวทย์ ตันติสัจจธรรม                                          กรรมการกลางและเลขาธิการ
  2.         นายวิชิต ซ้ายเกล้า  (กฐินรัน)                               กรรมการกลาง
  3.         นายณัฏฐพล อัศวชมพูนุช                                               กรรมการกลาง
  4.         นายศิวนัส ยามดี (Coin asset)                                         กรรมการ ประเภท ก
  5.         นายปฐม อินทโรดม (TSDC)                                         กรรมการ ประเภท ก
  6.         นายชนกันต์ ชัยวัฒนวสุ (Coins.co.th)                            กรรมการ ประเภท ก
  7.         นายสกลกรย์ สระกวี (Bitcoin Thai Club)                      กรรมการ ประเภท ข
  8.         นายกิตติวัฒน์ มโนสุทธิ (Smile Interactive)                   กรรมการ ประเภท ข
  9.         นายพิริยะ สัมพันธารักษ์ (โฉลกดอทคอม)                     กรรมการ ประเภท ข
  10.   นายกษมพัทธ์ วิธานวัฒนา (ZMine)                               กรรมการ ประเภท ค
  11.   นายวีระชัย เหมาะประไพพันธุ์ (TH Miner)                   กรรมการ ประเภท ค
  12.   บริษัทสยามบล็อกเชน มีเดีย กรุ๊ป                                     กรรมการ ประเภท ง
  13.   นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล (Bitcoin center)            กรรมการ ประเภท ง
  14.   นายคฑาวุธ ปาระมี (Webmaster)                                   กรรมการ ประเภท จ
  15.   นายวิทยา อัศวเสถียร (Dev network)                              กรรมการ ประเภท จ

ที่ปรึกษาสมาคม

  1.     ดร.วีระชัย เตชะวิจิตร์ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์แห่งสาธารณรัฐเอสโตเนียประจำประเทศไทย และประธานคณะกรรมการกลุ่มโรงเรียนนานาชาติรีเจ้นท์
  1.     คุณมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน)
  1.     ดร.ปิยะนุช มาลากุล ณ อยุธยา รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรม
  1.     คุณศิรินันท์ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล็อกซเลย์ ออบิท จำกัด (มหาชน)
  1.     ผศ.ดร.ทศพล สอตระกูล นักวิชาการ
  1.     ดร.ชัยพร ธนถาวรกิจ ประธานมูลนิธิช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย
  1.     พันตำรวจโทเจษฎา บุรินทร์สุชาติ รองผู้กำกับการ ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  1.     รศ.ณัฐพงศ์ โปษกะบุตร ผู้อำนวยการบัณฑิตศึกษาคณะนิติศาสตร์

ทางสมาคมยังได้มีการเปิดรับสมาชิกเพิ่มอีกด้วย สำหรับรายชื่อสมาชิกฉบับเต็มและแถลงการทุกฉบับสามารถดูได้ที่นี่

ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน

การเก็บภาษี ณ ที่จ่าย 15% นั้นไม่ต่างอะไรกับการบอกให้ โปรเจค ICO ทั้งหลายที่กำลังจะระดมทุนในประเทศไทยไม่ว่าจะด้วยนักลงทุนประเทศไทยเองหรือต่างชาติ ไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเสียผลประโยชน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน การแถลงการของสมาคมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยตรงซึ่งผู้เขียนก็หวังว่าภาครัฐจะรับฟังไว้

ในส่วนของภาครัฐนั้นผู้เขียนเข้าใจว่าการตั้งกำแพงภาษีนี้ทำเพื่อเป็นการชะลอการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของนวัตกรรม เนื่องจากด้วยเทคโนโลยี Blockchain นั้นความเป็น Decentralized นั้นทำให้มันควบคุมได้ยากในสายตารัฐบาล แต่มันควรจะเป็นอย่างนั้นเสมอไปหรือเปล่าเพราะจะกี่ยุคต่อกี่ยุคเทคโนโลยีก็ได้พิสูจน์มาตลอด ว่าสุดท้ายผู้ที่ครอบครองเทคโนโลยีนั้นจะได้ประโยชน์มหาศาล และด้วยปัจุบันเทคโนโลยี Blockchain นั้นก็ยังไม่ไปถึงจุดที่เรียกว่า Mass Adoption เลยด้วยซ้ำ คำถามที่น่าสนใจคือภาครัฐควรจะหยุดเทคโนโลยีนี้ก่อนที่มันจะเกิดเพื่อไม่ให้เสียการควบคุม หรือว่าจะรอให้เม็ดเงินและมันสมองดี ๆ ไหลออกนอกประเทศแล้วค่อยจะยอมรับในเทคโนโลยีนี้ ซึ่งคำตอบนั้นเราก็คงต้องดูกันต่อไปว่าร่าง พรก. นี้จะอย่างไรต่อ

 

สยามบล็อกเชนได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการด้านสื่อของสมาคมไทยบล็อกเชน ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านบทความนี้

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น