จากกระแสอันร้อนแรงไปทั่วโลกของวงการคริปโตในช่วงปีที่ผ่านมาเชื่อว่า กระแสดังกล่าวทำให้ใครหลาย ๆ คนอยากจะเริ่มหันมาศึกษาและลงทุนในตลาดคริปโตดังนั้น เนื่องจากพวกเขาได้ยินว่าสามารถทำกำไรเป็นกอบเป็นกำได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ในทางกลับกันสิ่งที่ทำให้นักลงทุนหน้าใหม่เลือกที่จะไม่เข้ามาในวงการนี้คือ ความผันผวนของราคา ซึ่งมันอาจทำให้เงินลงทุนของพวกเขาหายไปได้ในชั่วข้ามคืนเช่นกัน
โดยปกติแล้วความผันผวนนั้น จะสามารถวัดได้จาก Volatitlity Index หรือ เรียกอีกอย่างนึงว่า CBOE Volatility Index แต่ด้วยความที่วงการคริปโต นั้นยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ ซึ่งยังไม่มีนิยาม และการแบ่งแยกประเภทแน่นอนสำหรับมัน ว่าจริง ๆ แล้วมันอะไรกันแน่ จึงไม่สามารถวัดด้วยวิธีดังกล่าวได้
Cryptocurrency นั้นมีความผันผวนชนิดที่ว่าราคาของมันสามารถพุ่งขึ้นไป 100 เปอร์เซ็นต์ได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งปัจจัยที่กำลังจะกล่าวถึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อความผันผวนของมัน:
- ข่าว
หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่าผู้คนในวงการคริปโตนั้น อ่อนไหวต่อข่าวเป็นอย่างมาก เมื่อมีข่าวใหม่ ๆ ออกมา จะสังเกตเห็นได้อยู่บ่อยครั้งว่า ราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เช่น เหตุการณ์ลิสต์เหรียญของกระดานเทรดต่าง ๆ หรือ อย่างเหตุการณ์การ Hard Fork ของ Bitcoin Cash ที่ทำให้ราคาของ Bitcoin นั้นพุ่งขึ้นไปกว่า เหตุผลที่ข่าวส่งผลต่อตลาดคริปโตอย่างมากเนื่องจาก ตลาดคริปโตเป็นตลาดที่เกิดขึ้นได้ไม่กี่ปี และยังใหม่อยู่ นักเทรดในคริปนั้นก็เช่นกัน มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อนกระโจนเข้ามาตามกระแส โดยคาดหวังว่าพวกเขาจะรวยในชั่วข้ามคืน เมื่อเจอข่าวอะไรนิดหน่อยก็อาจจะวิเคราะห์ไม่ดีพอว่า ข่าวที่ว่าจะส่งผลอย่างไร รวมถึงพวกเขาไม่มีกลยุทธ์ในการเทรดอีกด้วย ทำให้พวกเขาอ่อนไหว ต่อข่าวมาก ๆ
- ตลาดคริปโตนั้นเปิดตลอดเวลา
ด้วยความที่ตลาดคริปโตนั้น ไม่เหมือนกันตลาดหุ้นปกติ ตลาดคริปโตนั้นเปิดตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเวลาวันปิดทำการ ซึ่งในข้อนี้หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าไม่กระทบกับความผันผวนอะไรมาก แต่เมื่อตลาดเปิดให้เทรดตลอดเวลานั่นแปลว่าการซื้อขายนั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา และเมื่อมีการซื้อขายเกิดขึ้น ราคาย่อมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรียกได้ว่านักลงทุนในตลาดนี้ต้องมีความพร้อม และวางแผนตลาดเวลา
- ตลาดคริปโตไม่มี Circuit Breaker
เมื่อมีความผันผวนที่รุนแรงในตลาดหุ้นจะมีระบบ Circuit Breaker ที่ห้ามให้มีการซื้อขายหุ้นนั้น ๆ เป็นการชั่วคราว แต่ว่าในตลาดคริปโตนั้นไม่มีระบบดังกล่าว มันยังเป็นตลาดที่ไร้กฎหมายมาควบคุมอยู่ ทำให้ราคาของตลาดนั้น สะท้อนถึงอารมณ์ของนักเทรดในกระดานอย่างแท้จริง โดยไม่มีอะไรมาแทรกแทรง จะสังเกตเห็นได้ชัดเวลามีข่าวเกี่ยวกับ Bitcoin ออกมา ราคาในตลาดจะวิ่งขึ้น หรือ ลงไปอย่างหนัก หรือพูดง่าย ๆ คือราคาของมันสามารถมีการเปลี่ยนแปลงเท่าไรก็ได้ ไม่มีอะไรมาหยุดการเกิดขึ้นนั้นเอง
- ตลาดสามารถถูกควบคุมได้ง่าย
ถึงแม้ว่าในปีที่ผ่านมาตลาดคริปโตจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ามูลค่าของตลาดนั้นไม่สามารถเทียบกับของตลาดหุ้นได้เลย ด้วยความที่ตลาดยังมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ทำให้ผู้ที่มีทุนมาก หรือที่เรียกกันว่าเจ้ามือ สามารถเข้าไปบงการตลาดคริปโตขนาดเล็กได้ไม่ยาก ทำให้เกิดการปั่นราคาได้ง่ายมาก ๆ เช่น เหรียญ Pandacoin ที่ถูกลิสต์อยู่ใน BX เว็บเทรดคริปโตสัญชาติ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า หรือ 1000 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง การที่ราคาของเหรียญดังกล่าวพุ่งเกิดจากการเข้าซื้อเป็นจำนวนมากจากทางเจ้ามือ ซึ่งมูลค่าของเหรียญนั้นมีนิดเดียวทำให้ควบคมได้ง่าย เป็นต้น
- ข่าวถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว
ด้วยธรรมชาติของวงการคริปโตที่ ทุก ๆ อย่างเกิดขึ้นบนอินเตอร์เน็ต ทำให้การแพร่กระจายของข่าว รวมถึง ความสับสน ความไม่แน่ใจ และ ความสงสัย หรือ FUD (Frustration, uncertainty, doubt) นั้นกระจายไปอย่างรวดเร็ว (Viral) ด้วยเช่นกัน โดยข่าวส่วนใหญ่ในวงการนั้นจะถูกแชร์ต่อ ๆ กันใน Social Media หรือ เว็บไซต์ ที่ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ 24 ชั่วโมง เช่น Facebook หรือ Twitter ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกได้รับข่าวสารอยู่ตลอดเวลา และเมื่อพวกเขารับรู้ถึงข่าวสาร นั่นย่อมส่งผลถึงการตัดสินใจของพวกเขา และราคาของตลาดด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าความผันผวนนั้นจะดูเหมือนมีแต่ข้อเสียก็ตาม แต่จริง ๆ แล้วความผันผวนนี่แหละ คือสิ่งที่นักลงทุนมองว่าเป็นเสน่ห์สำหรับวงการนี้ หากนักลงทุนศึกษาถึงตัวเลือกในการลงทุนก่อนที่วางเงินลงไปเป็นอย่างดี มีสติ มีวินัย และไม่ลืมถึง กลยุทธ์ และ แผนการณ์ที่ได้เตรียมไว้ตอนเจอเหตุการณ์จริง ๆ ได้ และใช้เงินเย็นในการลงทุน และลงทุนเท่าที่เสียได้เท่านั้น หากทำตามได้ทุกข้อ การทำกำไรในวงการนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปสำหรับทุกคนเลย
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น