ในปัจจุบัน ประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายสำหรับวงการคริปโตนั้นยังคงดำเนินไปอยู่ทั่วโลก รัฐบาลหลาย ๆ ประเทศมีความลำบากในการจัดสรรว่าคริปโตเหล่านี้ จะอยู่ในประเภทไหน เช่นเดียวกันกับ ประเทศสหรัฐอเมริกา อ้างอิงจากประธานส่วน Commodity ของ CFTC กล่าวว่า Bitcoin มีส่วนนึงเป็นค่าเงิน, เป็นทรัพย์สิน, เป็นสกุลเงินดิจิทัล
ประธาน CFTC ไม่รู้จะจัด Bitcoin ให้อยู่ในประเภทไหน
ในขณะที่โลกคริปโตกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทุก ๆ วันมีนวัตกรรมที่สามารถพลิกโฉมโลกได้ เกิดใหม่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเทศสหรัฐอเมริกาไม่รู้ว่า พวกเขาควรที่จะจำแนก Bitcoin ให้อยู่ในประเภทไหน เพื่อที่จะสามารถออกกฎหมายมาควบคุมมันได้อย่างเหมาะสม
ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2018 นาย J. Christopher Giancarlo ประธาน CFTC ได้กล่าวในรายการ Fast Money ของ CNBC ว่า :
“ถึงแม้ว่า Bitcoin จะเป็นเหรียญดิจิทัล แต่มันก็ประกอบไปด้วยหลากหลายคุณสมบัติของทรัพย์สินอีกหลากหลายประเภท มันสามารถทำได้ทั้งการชำระเงิน หรือ การครอบครองไว้เพื่อเป็นการลงทุนในระยะยาว”
การที่จะตีตรา Bitcoin ว่ามันเป็นประเภทไหนนั้นสามารถทำได้ยากมาก เนื่องจากนิยามของทรัพย์สินแต่ละประเภทนั้นถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ปี 1930 แต่ Bitcoin มีอายุแค่ 10 ปีเท่านั้น จึงสามารถหาคำนิยามสำหรับสิ่งที่พึ่งเกิดใหม่นี้ได้ค่อนข้างยาก
เมื่อเขาถูกถาม ว่า CFTC จะจัดให้ Bitcoin อยู่ในประเภทไหน เขาตอบว่า :
“พวกเราเห็นว่าสามารถใช้กฎหมายเดียวกันในการควบคุม Commodity ได้ส่วนนึง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมองแบบไหนด้วย”
นอกจากนี้ เขาได้พูดถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการให้ใบอนุญาติในการเทรด Bitcoin ฟิวเจอร์สำหรับ CME และ CBoE ว่าพวกเขากำลังดำเนินการอยู่เงียบ ๆ
กฎระเบียบจะไม่เสร็จในเร็ว ๆ นี้
ในความคิดของเขา นาย Giancarlo คิดว่า Bitcoin และสุดยอดเทคโนโลยีีที่อยู่เบื้องหลังมันอย่าง Blockchain สามารถแยกออกจากกันได้ยากมาก การที่ต่อต้านสิ่งหนึ่ง และยอมรับอีกสิ่งหนึ่งพร้อม ๆ กันนั้น จะทำให้การเติบโตของเทคโนโลยีในแวดล้อมนั้นเกิดการติดขัดขึ้น
นาย Giancarlo กล่าวว่า กฎหมายควบคุมสำหรับ Bitcoin จะไม่เสร็จภายในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากตัวมันมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก
“ท้ายที่สุดแล้ว คนส่วนมากต่างหาก ที่จะตัดสินว่าควรมีนโยบายอะไรต้องออกมาสำหรับทรัพย์สินชนิดใหม่นี้หรือไม่ ไม่ใช่ผู้ออกกฎหมาย”
โดยความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน มองว่าแนวคิดของประธาน CFTC เป็นมุมมองที่ถูกต้อง หากเขาบุ่มบ่ามใช้แนวคิดเก่า ๆ เพื่อที่จะควบคุมสิ่งใหม่ ๆ นั้นย่อมเกิดปัญหาแน่นอน เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน กฎระเบียบที่ตามมานั้นย่อมต้องปรับตัวให้ทันตามเทคโนโลยี คาดว่าภายในปี สองปีนี้อาจได้เห็นคริปโตที่ถูกกฎหมายในทุกประเทศ ซึ่งจะสามารถเรียกความมั่นใจจากนักลงทุนได้มากกว่าในปัจจุบัน และส่งผลให้วงการคริปโตได้รับการยอมรับจากทั่วทั้งโลกในวงกว้าง
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น