<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อธิบดีบังคับคดีประเทศไทยร่วมงานประชุมนานาชาติ หารือการบังคับคดีของทรัพย์สินดิจิทัล

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในวันที่ 6 พ.ค. 2018 ที่ผ่านมา น.ส. รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ได้เปิดเผยว่า ในวันที่ 3 พ.คใ ที่ผ่านมา ตนได้เข้าร่วมงานประชุมคองเกรสนานาชาติของสภาเจ้าหนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศครั้งที่ 23 ในงานประชุมได้มีการหารือ อภิปราย แสดงความเห็นในประเด็นเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลและการบังคับคดี

น.ส. รื่นวดี กล่าวว่า ตนได้นำเสนอ ประเด็นทั้งหมด 4 ประเด็นหลัก ๆ

  1. ความหมายของสกุลเงินดิจิทัลและปรเภทของสกุลเงินดิจิทัล

ตามหลักการ เงินตราต้องประดอบไปด้วยคุณสมบัติสาม ข้อ คือ สามารถวัดเป็นหน่วยวัดได้, เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และ เก็บรักษามูลค่าได้ เงินดิจิทัลมีความแปลกใหม่ เนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นมาด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ เป็นหน่วยข้อมูฃอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีรูปร่าง และไม่สามารถจับต้องได้เหมือนเงินปกติ ด้วยความแตกต่างนี้ จึงมีความจำเป็นต้องพิจารณาว่ามันมีคุณสมบัติตามเงินตราหรือไม่ และจะกำกับดูแลมันอย่างไร

“ซึ่งตอนนี้ในประเทศไทย เงินดิจิทัลยังไม่สามารถชำระหนี้ตามกฎหมายได้ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศไว้ ดังนั้นจึงยังไม่เป็นเงินตรา”

  1. สามารถบังคับคดีสกุลเงินดิจิทัลได้หรือไม่ ?

ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเจ้าพนักงานบังคับคดี เนื่องจากหากโจทก์ตามคำพิพากษาแจ้งว่า จากการสืบทรัพย์ของจำเลย พบว่าจำเลย มีสินทรัพย์ดิจิทัล เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทำดำเนินการอย่างไร ซึ่งปัจจุบันในต่างประเทศก็ไม่มีหลักปฎิบัติเช่นกัน เป็นเรื่องที่ยังหารือเพื่อกำหนดแนวทางกันอยู่

  1. แล้วถ้าหากบังคับคดีได้จะดำเนินการอย่างไร ?

หากมีการอายัดทรัพย์สินเกิดขึ้นจริง จะต้องให้ จำเลยที่ครอบครองสกุลเงินดิจิทัล ให้จ่ายเลย หรือส่งมอบรหัสผ่าน หรือ สิ่งใดหากบังคับคดีได้ และเมื่อจะทำการขายทอดสินทรัพย์ในตลาดต่อ เงินดิจิทัลดังกล่าวจะต้องประเมินมูลค่าอย่างไร เนื่องจากมันมีความแปรปรวนในราคาสูงมาก

      4.ความจำเป็นในการศึกษาวิจัยเพื่อความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจน

กรมบังคับคดีมีความตั้งใจที่จะทำตามนโยบายของรัฐบาล Thailand 4.0 โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้ทันสมัยอยู่เสมอ สำหรับในประเด็นนี้ กรมบังคับคดีได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อม สำหรับศึกษาและวิจัยในโครงการนี้ เพื่อให้มีความรู้และตวามเข้าใจในเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

การประชุมดังกล่าวก่อให้เกิดประกายความคิดต่อยอดเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการพูดคุย หารือ นำเสนอถึงแนวคิด ความรู้ ความเข้าใจ จากคนหลายประเทศ แสดงให้เห็นว่าปัจจุบันประเทศไทยไมได้อยู่เฉย สำหรับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงตัวมันเองอยู่ทุกวันนี้ ในอนาคตอันใกล้เราอาจได้เห็นประเทศไทยเริ่มยอมรับเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrencies มากขึ้นก็เป็นได้

ที่มา Matichon

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น