หลาย ๆ คนที่เข้ามาสู่วงการคริปโต อาจถูกดึงดูดเข้ามาด้วยความผันผวนที่ราคาของมันสามารถพุ่งขึ้นไปได้หลายเท่าภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ซึ่งนักลงทุนทุกคนนั้น คาดหวังให้เหรียญของพวกเขา Moon เป็นเรื่องปกติ สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ลงทุนในอุตสาหกรรมคริปโตจะเริ่มทราบว่า หากเกิดเหตุการณ์นี้ ๆ จะทำให้เหรียญ ๆ นั้นมีโอกาส Moon ได้ แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเทรดนั้น อาจไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้วตลาดคริปโตมีปัจจัยหลัก ๆ อยู่ไม่กี่อย่างที่ทำให้ราคาของมันพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
Moon คืออะไร ? ทำไมถึง Moon ?
สำหรับมือใหม่ที่ไม่ทราบ การที่เหรียญ ๆ นั้น Moon แปลว่าราคาของเหรียญ ๆ นั้นพุ่งขึ้นไปภายในระยะเวลาอันสั้น เปรียบเทียบกับการที่เดินทางทะลุชั้นบรรยากาศขึ้นไปสู่ดวงจันทร์
ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว สิ่ง ๆ หนึ่งจะมีราคามากขึ้นก็ต่อเมื่อมีความอยากได้ (Demand) มากกว่าคนอยากขาย (Supply) นั่นเอง ซึ่งใช้ได้ในกรณีเดียวกันกับเหรียญต่าง ๆ
การที่เหรียญนั้น ๆ ราคาขึ้นไปสูงเนื่องจากมีคนอยากซื้อมากกว่าคนอยากขาย จนทำให้ราคาของมันเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งความต้องการซื้อนั้น อาจจะมาจากเหตุการณ์ต่าง ๆ
ในวันนี้ผู้เขียนจะพูดถึง Pattern หรือเหตุการณ์หลัก ๆ ที่พบเจอบ่อย ในวงการคริปโต ซึ่งส่งผลให้ราคาของเหรียญนั้น ๆ มีโอกาส Moon ได้
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
Hard Fork
หากจำกันได้ในปีที่ผ่านมา ช่วงปลายปีที่แล้วเป็นช่วงที่ Bitcoin มีการ Hard Fork อยู่หลายครั้งมาก ซึ่งแต่ละครั้งราคาของมันพุ่งขึ้นไปทุกรอบ เนื่องจากการ Hard Fork แต่ละครั้งนั้น ผู้ที่ถือ Bitcoin จะได้เหรียญที่ Fork ออกมาฟรี ๆ นักลงทุนอาจรีบทยอยซื้อเหรียญนั้นเพื่อหวังของฟรี ยกตัวอย่างเช่น กรณีการ Hard Fork ของ Bitcoin Cash ราคาของ Bitcoin เกือบขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในเวลานั้นอีกรอบ
หลังจากเหตุการณ์นั้นผู้ที่ถือ Bitcoin ได้รับ Bitcoin Cash ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ไปแบบฟรี ๆ หากอ้างอิงจาก Coinmarketcap ราคาเปิดตัวของมันอยู่ที่ 550 ดอลลาร์เลยทีเดียว
ลิสต์ขึ้นเว็บเทรด
หากคุณคือผู้ที่ลงทุน ICO ต้องจำให้แม่นเลยว่า เมื่อไรที่เหรียญไหนจะถูกลิสต์ขึ้นเว็บเทรดแปลว่าเหรียญนั้นมีโอกาส Moon สูงมาก เนื่องจากหากเหรียญนั้นถูกลิสต์ขึ้นเว็บเทรด แปลว่าจะมีนักลงทุนคนอื่นสามารถซื้อเหรียญได้ง่ายยิ่งขึ้น อาจทำให้มีปริมาณการซื้อเหรียญนั้นมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม ต้องดูเว็บเทรดที่เหรียญจะถูกลิสต์ด้วยว่า มีความน่าเชื่อถือ, ปริมาณการซื้อขาย และกระแสของเว็บนั้นดีแค่ไหน หากเป็นเว็บที่มีปริมาณการเทรดอันดับต้น ๆ เช่น Binance, Bittrex, OKex หรือ Bitfinex เป็นต้น ก็ให้มั่นใจได้ในระดับนึงเลยว่า เหรียญนั้นมีโอกาส Moon สูง แต่ถ้าเป็นเว็บเทรดเล็ก ๆ เช่น KUCoin หรือ IDEX ก็ให้ทำใจไว้ระดับนึงเนื่องจากเว็บเหล่านั้นไม่ได้มีกระแสดีเท่าไรนัก
ประกาศ Partner ใหม่
การประกาศ Partners หรือการประกาศการจับมือร่วมกับคนอื่น ๆ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เหรียญ Moon ได้เช่นกัน เนื่องจากราคาของเหรียญส่วนใหญ่นั้นจะขึ้นอยู่กับมูลค่าที่โปรเจกต์สามารถสร้างให้กับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้ และการที่มี Partners ใหม่ แปลว่าโปรเจกต์นั้นจะมีมูลค่ามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกับราคาเหรียญในเวลาต่อมา
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
เหตุการณ์เฉพาะของเหรียญ
เนื่องจากเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่า มูลค่าตลาดทั้งหมดของเหรียญยิ่งสูงเท่าไร จะยิ่งดึงดูดนักลงทุนอื่น ๆ มากเท่านั้น เท่ากับว่ามีคนมาสนับสนุนโปรเจกต์มากขึ้น แต่โปรเจกต์เลยมีวิธีการบริหารโทเคนของตัวเองเพื่อให้มูลค่าของพวกมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการประกาศว่าเหรียญนั้นจะทำ Masternode, เผาเหรียญตัวเองทิ้ง หรือการซื้อเหรียญคืน
สามเหตุการณ์ที่กล่าวมานี้ เป็นสิ่งที่จะทำให้ปริมาณเหรียญที่หมุนเวียนอยู่ลดลง เท่ากับว่า Supply ในตลาดจะลดลง และ Demand ในตลาดจะมีเท่าเดิม ซึ่งทำให้เกิดกลไกราคาทำงาน เมื่อมูลค่าของโปรเจกต์นั้นมีเท่าเดิม แต่ว่าเหรียญทั้งหมดนั้นมีจำนวนลดลงเท่ากับว่า แต่ละเหรียญก็จะมีมูลค่ามากขึ้นนั้นเอง ยังไม่รวมถึงกระแส Hype ที่จะตามมาหลังประกาศที่จะช่วยผลักดันราคาให้สูงขึ้นไปอีก
สรุป
จะสังเกตว่าหลัก ๆ แลว สาเหตุที่ทำให้ราคาของเหรียญเพิ่มขึ้นไปนั้นจะเกี่ยวข้องกับ Supply และ Demand ทั้งสิ้น การปรับเปลี่ยนทั้งสองปัจจัยนั้นจะส่งผลต่อราคาของเหรียญ แต่อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น หากคิดตามหลักเหตุและผลมันก็ควรเป็นไปตามนั้น แต่ต้องอย่าลืมว่ามนุษย์ทุกคนไม่ได้ทำตามหลักเหตุและผลเสมอไป พวกเขาใช้อารมณ์ควบคู่ไปด้วย ทำให้บางทีเหตุการณ์เหล่านี้อาจไม่ส่งผลอะไร หรือส่งผลตรงข้ามก็เป็นได้ ให้บริหารความเสี่ยงในการลงทุนของเราให้ดี
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น