เป็นที่ทราบกันดีว่า ตลาดคริปโตนั้นอยู่ในขาลงมาร่วม 9 เดือนติดต่อกันแล้ว จากปีก่อนที่เพียงแค่ HODL หรือถือไว้เฉย ๆ ก็สามารถทำกำไรหลายสิบเท่าได้ แต่มาในปี 2018 สภาพตลาดคริปโตนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง หากนักเทรดยังคงใช้กลยุทธ์เดิม ๆ เหมือนปี 2017 ล่ะก็ รับรองได้เลยว่า การทำกำไรนั้นจะเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หาก HODL Bitcoin ไว้ จะพบว่า มูลค่ามันหายไปกว่า 60 เปอร์เซ็นต์
จากสภาพตลาดในตอนนี้ ทำให้เราเรียนรู้แล้วว่า ควรที่จะมีการปรับเปลี่ยนเทคนิคในการทำกำไรหรือการเทรดของเรา หากยังต้องการที่จะอยู่รอดต่อไป ซึ่งในบทความนี้จะมาเจาะลึกให้ดูว่า ควรจะทำอะไรบ้าง และทำอย่างไรถึงจะสามารถสร้างกำไรในปี 2018 ที่กำลังจะหมดนี้้ได้
ไม่ตัดสินหน้างาน
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม การวางแผนถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ มันคือเส้นแบ่งระหว่างผู้ที่จะประสบความสำเร็จ และผู้ที่ล้มเหลว การเทรดไปเรื่อย ๆ แบบล่องลอยไร้จุดหมาย ก็คงไม่ต่างกับการเดินเข้าไปในถ้ำมืด ๆ โดยที่ไม่มีแผนที่ของถ้ำนั้น แล้วหวังว่าจะหาสมบัติเจอ มันจะไม่ดีกว่าหรือ ถ้าเกิดเราวางแผนเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์ก่อนออกเดินทาง
การวางแผนนั้นสำคัญขึ้นไปอีกในการเทรดคริปโต เนื่องจากมันมีความผันผวนสูง และเกิดสถานการณ์ที่บีบเค้นอารมณ์ได้ตลอดเวลา
ในปี 2017 ที่ผ่านมา เราอาจจะแค่ HODL ก็สามารถทำกำไรได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีแผนอะไร แต่ในตลาดขาลงเช่นนี้ควรจะมีแผนเตรียมไว้เสมอ
ก่อนที่จะทำการเทรด หรือลงทุน ให้วิเคราะห์ และร่างแผนของเราขึ้นมาให้ดีซะก่อนว่า ถ้าหาก Bitcoin ราคาพุ่งไปเท่านี้เราจะทำอย่างไร ถ้า Bitcoin ร่วงไปเท่านี้เราทำอย่างไร ถ้าหากยังไม่มีแผนให้เรียบร้อยดี แนะนำเลยว่า ควรกำเงินใจเย็น ๆ แล้วศึกษาไปก่อนดีกว่า
การวางแผนยังช่วยลดปัญหาการตัดสินใจหน้างานได้ด้วย กล่าวคือ เมื่อสถานการณ์อะไรก็ตามเกิดขึ้น เราจะไม่คิดวิธีแก้ในตอนนั้น เนื่องจากมันมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวด้วยในส่วนมาก ทำให้เรามองไม่เห็นความเป็นจริงที่ปรากฎตรงหน้า จนทำให้เราตัดสินใจผิดพลาดไปได้ เมื่อสถานการณ์เกิดขึ้นให้เราแข็งใจไว้ เชื่อมั่นตัวเราในอดีตที่ได้วางแผนไว้ และทำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด ถ้าเกิดจะต้อง Cut Loss ก็ต้องกดขาย ถ้าเกิดจะต้องซื้อแต่กลัวติดดอยก็ต้องซื้อ ถ้าเกิดมันคือแผนที่เราวางไว้
แบ่งไม้ (Money Management)
ในปี 2017 นักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้ามาอาจจะคิดว่าการ All-in นั้นเป็นกลยุทธ์ที่ดี เนื่องจากสามารถทำกำไรก้อนโตได้ รวมทั้งไม่ต้องคิดอะไรให้เยอะแยะด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วเมื่อปีที่ผ่านมา กลยุทธ์นี้ก็พอได้ผลอยู่ แต่สิ่งที่แฝงไว้ภายใต้โอกาสในการทำกำไรก้อนโตก็คือ การขาดทุนอย่างหนัก และยิ่งปีนี้ที่อะไรหลาย ๆ อย่างไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงมากกว่าปีที่แล้ว ยิ่ง All-in ไม่ได้เข้าไปใหญ่
ถ้าต้องการอยู่รอดในตลาดคริปโต การแบ่งไม้ หรือ Money Management ถือเป็นอะไรที่สำคัญที่สุดในการลงทุนเลย ถึงแม้จะได้กำไรน้อยลงก็ตาม แต่ก็อย่าลืมว่า เราจะขาดทุนน้อยลงเช่นกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนทุก ๆ คน โดยเฉพาะมือใหม่คือการอยู่รอด ไม่ใช่การทำกำไร ถ้ายังอยู่รอดไม่ได้ ก็ไม่ต้องคิดเรื่องการทำกำไรเลย
นอกจากจะทำให้ขาดทุนน้อยลงแล้ว มันยังสามารถลดความเสี่ยงในการลงทุนได้อีกด้วย ทำให้เรามีโอกาสแก้ตัวถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ยิ่งเราแบ่งไม้เยอะ ก็ยิ่งทำให้เราลดความเสี่ยงได้เยอะ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยเกิดเหตุการณ์ที่เราลงทุนไปแล้ว มานั่งกังวลคอยเช็คราคาคริปโตตลอดเวลาว่าอยู่เท่าไรแล้ว กินไม่ได้นอนไม่หลับ เนื่องจากกลัวว่าทุนจะหายทั้งหมด แบบนั้นไม่ใช่การลงทุน แต่มันคือการพนัน
การลงทุนที่แท้จริงต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่ถูกต้อง มีแบบแผนที่ชัดเจน และเป็นระบบ ซึ่งการเรียนรู้เรื่องการแบ่งไม้ถือว่าเป็นพื้นฐานที่ดีที่จะได้ใช้ในอนาคตที่นักเทรดหน้าใหม่ควรเรียนรู้ไว้ ถ้าหากอยู่รอด และทำกำไรในตลาดคริปโตต่อไปได้
เลือกแต่เหรียญที่มีพื้นฐาน (Fundamental)
ถึงแม้การลงทุนใน Altcoins หรือ ICO ที่มีขนาดไม่มากจะมีโอกาสทำให้ได้กำไรมาก ๆ ในทางกลับกัน เมื่อมันเข้าสู่ขาลง มันก็ลงหนักเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ICO ต่าง ๆ ไม่เว้นแม้แต่ตัวที่มีกระแสดี ล้วนลงมาประมาณ 60 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ทั้งนั้น แต่หากลงดูคริปโตที่มีพื้นฐานเช่น Bitcoin จะพบว่ามันลดลงมาเพียง 50 หรือ 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ด้วยตลาดขาลงที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะกลับเป็นขึ้นอีก การเลือกเหรียญที่จะลงทุนให้ดีถือว่าเป็นอีกวิธีที่จะทำให้เราลดความเสี่ยงในการลงทุนได้
การที่จะดูว่าเหรียญนั้นมีพื้นฐานที่ดีหรือไม่นั้นให้สังเกตจากชุมชนมีว่าขนาดใหญ่หรือไม่, เทคโนโลยีว่ามีศักยภาพแค่ไหน, นักพัฒนาว่าตื่นตัว ปรับปรุงอัพเดทตลอดหรือไม่, มูลค่าตลาดโดยรวม ยิ่งมีมูลค่าโดยรวมมากยิ่งดี เพราะว่าจะถูกปั่นราคาได้ยาก เพราะต้องใช้เงินจำนวนมาก, สภาพคล่อง ว่าสามารถซื้อขายได้ที่ไหนบ้าง เพื่อความสะดวก และกราฟราคา ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วคุณสมบัติเหล่านี้ จะสามารถพบได้กับเหรียญ Top 10 ในตลาดคริปโต ก็แล้วแต่ว่า นักเทรดจะชื่นชอบสกุลไหน
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรที่จะลงทุนในเหรียญเดียว ควรจะกระจาย ๆ ออกไปอย่างต่ำ 3 เหรียญขึ้นไป เพื่อลดความเสี่ยงอีกระดับหนึ่ง เช่นถือ Bitcoin 50 เปอร์เซ็นต์, Ethereum 25 เปอร์เซ็นต์ และ Altcoins อื่น ๆ อีก 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น
สรุป
นักเทรดควรปรับตัว และปรับกลยุทธ์ไปตามตลาดที่เปลี่ยนตลอดเวลา กลยุทธ์ที่ได้ผลในปี 2017 อาจไม่ได้ผลในปี 2018 การอยู่รอดในตลาดคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเทคนิคที่แนะนำมาทั้งหมด ทั้งการวางแผน, แบ่งไม้ และเลือกเหรียญให้ถูกต้อง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะช่วยให้ทำกำไรในช่วงปลายปี 2018 ได้
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงเทคนิคพื้นฐานเท่านั้น จริง ๆ แล้วต้องมีเรียนรู้เพิ่มเติมอีกทั้งการบริหารอารมณ์, การติดตามวิเคราะห์ข่าวสาร, ความรู้ความเข้าใจเทคโนโลยีของเหรียญต่าง ๆ, ทัศนคติในการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งความรู้ในการอ่านกราฟให้ขาดควบคู่ไปด้วย
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น