<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นาย Ron Paul อดีตผู้เข้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว “ผู้คนไม่ควรต้องมาเสียภาษีของคริปโต”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นาย Ron Paul อดีตผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขียนในบล็อคว่า ผู้คนไม่ควรจะต้องจ่ายภาษีสำหรับคริปโตที่พวกเค้าครอบครองไว้

นาย Paul ได้วิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เพิ่มอัตราดอกเบี้ย และแสดงความกังวลใจต่อสิทรัพย์คริปโต

“ธนาคารกลางเพิ่มและลดจำนวนเงินในระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะต้องการควบคุมเศรษฐกิจโดยการควบคุมอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้คนทั่วไปเห็นตลาดผิดพลาดไป ส่งผลให้มีการบริหารทรัพยากรไม่ถูกต้อง และทำให้เกิดความร่ำรวยแบบลวงตา”

อ้างอิงจาก Whitepaper ของ Bitcoin ที่ถูกเขียนโดยนาย Satoshi Nakamoto เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เขาพยายามที่จะระบุ และแก้ปัญหาดังกล่าว ที่ธนาคารกลางพยายามที่จะควบคุมจำนวนเงินทั้งหมดในระบบโดยการเพิ่มหรือลดมัน

นาย Paul ได้อธิบายต่อว่า การที่ธนาคารกลางผลิตเงินอย่างต่อเนื่องนั้นจะทำให้ “คนชั้นแรงงาน และกลาง ได้รับเงินก็จริง ซึ่งทำให้พวกเขาเหมือนมีกำลังซื้อมากขึ้น แต่มันถูกหักล้างด้วยเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ดี”

ในทางตรงกันข้าม Bitcoin นั้นมีจำนวนจำกัดที่ชัดเจน ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีจำนวน 21,000,000 BTC เท่านั้น

อ้างอิงจากนาย Paul การที่ธนาคารกลางสร้างความไม่เท่าเทียมกันในรายได้ และการใช้นโยบายทางการเงินที่ไม่มีประสิทธิภาพนั้น อาจทำให้เกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจไม่วันใดก็วันหนึ่ง

เขาได้เสริมว่า สามารถหลบเลี่ยงวิกฤติทางการเงินได้โดยการตรวจสอบการทำงานของธนาคารกลาง และ “อนุญาตให้ผู้คนใช้สกุลเงินทางเลือก และงดเว้นภาษีทุก ๆ ด้านสำหรับการทำธุรกรรมด้วยโลหะที่มีค่า และ Cryptocurrency”

อ้างอิงจาก CryptoGlobe รายงานว่า ในสหรัฐฯ กระบวนการจ่ายภาษี Capital Gains จากคริปโตนั้นเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากหน่วยงานด้านภาษี (IRS) พิจารณาว่าคริปโตเป็นสินทรัพย์ ซึ่งคล้ายคลึงกับหุ้น

อย่างไรก็ตาม การที่วัดได้จริง ๆ ว่าต้องเสียภาษีเท่าไรนั้น นักลงทุนคริปโตต้องไล่ทุกรายการการทำธุรกรรมจาก Wallet ทุกกระเป๋าที่พวกเขามี ซึ่งเป็นกระบวนการยุ่งยากมาก ๆ ทำให้จำเป็นต้องมีวิธีการจ่ายภาษีที่เรียบง่ายกว่านี้

ที่มาภาพ CNN.com

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น