สำหรับประเทศไทยนั้น วงการคริปโตได้เติบโตอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมากหากเปรียบเทียบกับเมื่อปีที่ผ่านมา มันได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น, ภาครัฐที่มีกฎหมายสำหรับวงการคริปโต และ Blockchain โดยเฉพาะออกมา รวมทั้งภาคเอกชนเช่นกันที่มองเห็นศักยภาพว่า วงการนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น และยังมีโอกาสอีกมาก
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โดฮลดิ้งส์ ได้ออกมาเตือนว่า ทุกภาคส่วนในประเทศไทยต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงด้านธุรกิจและเทคโนโลยี
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เปิดเผยว่า ธุรกิจกำลังจะเปลี่ยนจากยุค 4.0 เป็น 5.0 แล้ว ซึ่งหลายฝ่ายควรให้ความสนใจในเรื่องนี้ เนื่องจาก ถ้าไม่สามารถรปรับตัวได้ทันก็จะถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง
เขาได้ยกตัวอย่างถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เช่นกรณีตัวอย่างของธุรกิจฟิล์มหรือมือถือว่า:
“ผมอยากจะยกตัวอย่างเทียบเคียงกับวิกฤติพลวัตที่เราเห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว อย่างกรณีธุรกิจฟิล์มถ่ายภาพหรือ แม้แต่ธุรกิจมือถือที่เคยครองความเป็นเจ้าตลาดของโลกและถูกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็วมากเข้ามาทำให้ธุรกิจเดินต่อไม่ได้ ซึ่งถามว่า หน่วยงานเหล่านี้ รู้ไหมว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้น คำตอบคือรู้ครับ แต่วิ่งตามไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดวิกฤติธุรกิจอย่างที่เราได้ทราบกัน นี่เป็นตัวอย่างของวิกฤติพลวัตที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอย หากเราไม่ตื่นรู้กับการ เปลี่ยนแปลงอย่างทันท่วงที”
การปรับตัว
จากข้อมูลดังกล่าว พวกเขาเลยตัดสินใจที่จะปรับตัวตามกระแสของ Cryptocurrency และ Blockchain ที่กำลังจะมาถึงในอนาคต โดยการแบ่งธุรกิจของพวกเขาออกเป็น 4 กลุ่ม
- บริษัท บิทคับ ออนไลน์ (Bitkub.com) ที่ให้บริการเว็บเทรดคริปโต
- บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ที่ให้บริการปรึกษา ICO รวมทั้งการพัฒนาและออกแบบ Blockchain ของทั้งภาครัฐ และเอกชน
- ไทย บล็อคเชน ฮับ (Thai Blockchain Hub) ที่เน้นการให้ความรู้ด้าน Blockchain เน้นการสร้างองค์ความรู้ที่เป็นองค์รวมของการออกแบบและพัฒนา Blockchain เพื่อรองรับกับ Application ที่จะเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มของ Blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตอันใกล้
- กลุ่มธุรกิจลงทุน ซึ่งจะเลือกลงทุนในบริษัท Startup ที่ใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน ทรัพย์สินดิจิทัลที่มีโอกาสเติบโตสูง
นายจิรายุส ให้ความเห็นว่า ทั้ง 4 ธุรกิจนี้จะเป็นตัวช่วยให้ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐในประเทศไทยสามารถผ่านพ้นวิกฤติพลวัตได้ เนื่องจากในอนาคตทุก ๆ อย่างจะอยู่ในรูปของสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกจากนี้ เขายังเผยด้วยว่า บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จะจัดกิจกรรมการพบปะกับทีมผู้บริหารของบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเป็นเวทีพบปะแลกเปลี่ยนและสอบถามการออกแบบและพัฒนา Blockchain จากผู้รู้โดยตรง ของบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ ผู้ก่อตั้ง Bitkub เว็บเทรดคริปโตในประเทศไทยก็ได้เผยด้วยว่า “เว็บของเราเป็นเว็บไซต์ Cryptocurrency ที่ Popular ที่สุดในเมืองไทย”
หมายเหตุ: Bitkub Capital Group Holdings Co.,Ltd. เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัทสยามบล็อกเชน มีเดีย กรุ๊ป จำกัด ผู้ชมโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น