<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อดีตผู้เข้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ Ron Paul กล่าว ถึงเวลาแล้วที่จะกำจัดธนาคารกลางและภาษี Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นาย Ron Paul สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เกษียณแล้วผู้ซึ่งเคยมีความสงสัยในเรื่องของ Bitcoin และได้เปลี่ยนเป็นผู้ที่หันมาสนับสนุนแล้วได้ย้ำถึงการให้มีการยกเลิกเงินสำรองของธนาคารกลางหลังจากที่ไปมีส่วนทำให้ฐานของอัตราดอกเบี้ยนั้นขยับไปในช่วง 2.25% ถึง 2.5%

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่แล้วที่ระบบธนาคารกลางของสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2561 โดยการเพิ่มขึ้นในส่วนนี้ได้ไปก่อให้เกิดความกลัวที่อาจจะนำไปสู้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลไปถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยของโลกในปี 2562

Ron Paul กล่าวว่าเงินสำรองของธนาคารกลางนี้ควรจะยอมให้อัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นไปตามกลไกตลาดเองแทนที่จะไปควบคุม

Paul กล่าวว่าธนาคารกลางกำลังทำลายเศรษฐกิจ

นาย Paul ทวีต “ว่าธนาคารกลางไม่รู้ว่าอัตราดอกเบี้ยควรจะเป็นเท่าไหร่ ธนาคารกลางพยายามที่จะควบคุมราคา ทำลายเศรษฐกิจและตัดสินใจทำสิ่งต่าง ๆ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่กำลังจะบิดเบือนเศรษฐกิจไป”

การวางแผนโดยธนาคารกลางนี้ทำให้เกิดภาพลวงตาทางเศรษฐกิจ ซึ่งสหรัฐควรจะกลับเข้าสู่ความเป็นจริงให้เร็วที่สุด และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Ron Paul พ่อของ Rand Paul สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐคนปัจจุบัน ที่เรียกร้องให้ยกเลิกการเก็บเงินสำรองของธนาคารกลาง

ดังที่ CCN ได้รายงานข่าวในเดือนตุลาคม 2561 ว่า Rand Paul ได้โจมตีธนาคารกลางว่าควบคุมอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการกล่าวในลักษณะของการวางแผนที่ถูกคิดขึ้นมาและอาจเป็นสาเหตุแห่งการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ ในทางกลับกันการกล่าวเช่นนี้ก็สามารถนำไปสู่การสิ้นสุดของสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาลได้

Paul กล่าวว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดจากธนาคารกลางครั้งต่อไปจะมาถึงเร็วกว่าครั้งก่อน ๆ ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่ที่จะนำไปสู่จุดจบของสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาลได้

Paul กล่าวว่าวิธีการเดียวที่จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดจากธนาคารกลางได้ก็คือการยอมให้ประชาชนมีสกุลเงินทางเลือก เช่น bitcoin และยกเว้นภาษี cryptocurrencies

นาย Paul กล่าวว่าธนาคารกลางเพิ่มและลดการจัดหาเงินอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่จะควบคุมเศรษฐกิจโดยมุ่งประเด็นไปที่อัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าการควบคุมเงินสำรองของธนาคารอย่างเป็นวงจรนี้จะก่อให้เกิดวงจรทางเศรษฐกิจฟองสบู่แตกได้

“สิ่งเหล่านี้อาจก่อให้เกิดภาพลวงตาในความที่เศรษฐกิจนั้นเจริญรุ่งเรือง แต่ในที่สุดแล้วความเป็นจริงจำนำหน้าจินตนาการที่สร้างโดยเงินสำรองของธนาคารกลางนั้นเอง และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น ภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็จะตามมาหรือที่แย่ไปกว่านั้นก็อาจจะนำไปสู่วงจรฟองสบู่แตกของธนาคารกลางซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

ในลักษณะเดียวกันกับผู้ใช้คริฟโตอื่น ๆ Ron Paul เป็นนักเสรีนิยมผู้ซึ่งคัดค้านการที่รัฐบาลมาแทรกแซงในตลาดเสรี โดยทั่วไปแล้วผู้ใช้สกุลเงินดิจิทัลจะชอบระบบคริฟโตในตลาดที่ไม่มีกำกับดูแลและมีกระจายอำนาจมากกว่า

Paul กล่าวว่าเศรษฐกิจที่ไม่มีการควบคุมนั้นย่อมดีต่อสังคมมากกว่า ซึ่งนอกจากจะไม่ควรมีการตรวจสอบบัญชีเงินสำรองของธนาคารกลางแล้ว ก็ควรยกเลิกเงินสำรองในส่วนนี้ออกไปด้วย

ผู้ซึ่งอดีตเคยมีความสงสัยในคริปโตตอนนี้เปิดรับ Bitcoin แล้ว

CCN รายงานว่า Ron Paul เป็นผู้สนับสนุนมาตรฐานทองคำอย่างมาก ผู้ซึ่งมาวิพากษ์วิจารณ์ bitcoin จนกระทั่งถึงปัจจุบัน

Paul  กล่าวในเดือนธันวาคม 2561 ว่า bitcoin เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น แต่ผู้ลงทุนใน bitcoin นี้ไม่มีแง่มุมในการลงทุนในระยะยาว ซึ่งอะไรจะเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ไม่มีใครรู้ แต่ตามสามัญสำนึกทั่ว ๆ ไปนี้พวกเราก็รู้ดีว่าทองจะไปอยู่ที่ไหน ตั้งแต่ที่ Paul ได้เปลี่ยนทัศนะคติของตนเองต่อคริฟโต และในตอนนี้เขาเขื่อว่า bitcoin และสกุลเงินที่มีอยู่ก่อนหน้านี้จะสามารถอยู่ร่วมกันได้ในสังคมที่เปิดเสรี

ที่มา ccn

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น