<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin มีอายุครบ 10 ปีแล้ว และมันน่าทึ่งมากที่ยังอยู่มาได้จนถึงตอนนี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Bitcoin คริปโตเคอเรนซีรุ่นใหญ่ได้เฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบ 10 ปี โดยตลอดที่ผ่านมา มีผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหายซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ที่ทำงานในธนาคารที่อายุมากและนักเศรษฐศาสตร์ โดยบอกว่าเป็นพวกที่อยู่แต่ในควันและกระจกที่คลุ้มคลั่งอยู่แต่ในดอกทิวลิปและแสงจันทร์ ส่วนในมุมของคนที่ชื่นชอบในเทคโนโลยีเหล่านี้ bitcoin ไม่ใช่สกุลเงินที่มีชีวิต แต่เป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตเราและเป็นยาวิเศษณ์ Bitcoin ไม่ใช่สิ่งที่ใช้ต่อสู้ความโง่เขลา ความประสงค์ร้ายหรือความยากจนของรัฐบาล แต่เป็นสิ่งที่จะช่วยหยุดที่กล่าวมานี้

ผู้ที่ชอบดูถูกคริปโตเคอเรนซีมักจะจัดให้คริปโตเป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่ง ซึ่งมันเป็นความจริง เนื่องจากเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ที่มี bitcoin เกิดขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์และกลายเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่า M1 money supply ของอาเจนติน่า และทำให้ผู้ที่เอาเงินไปลงในคริปโตเสียเงินไปเป็นระยะเวลานานแล้ว

แต่เนื่องจากข้อดีของคริปโตนี้มีความเด่นชัดเป็นอย่างมาก ทำให้พวกคนหลอกลวงคิดวิธีการหลอกลวงใหม่ ๆ และเอามาใช้ใน City of London และสถาบันทางการเงินของโลก ซึ่งธนาคารเกือบทุกธนาคารก็ได้ถูกกระทำการฟอกเงิน การกุมตลาด การขายผิดขายถูกและการกระทำผิดของอย่างอื่นไปเรียบร้อยแล้ว

ในความเป็นจริงแล้วคริปโตเคอเรนซีเป็นสิ่งที่มีความสลับซับซ้อน แต่ก็มีบุคคลที่บิดเบือนความจริงนี้และบอกว่าเพียงแค่มีความเข้าใจทางคณิตศาสตร์และพื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศบ้างก็เพียงพอแล้ว ซึ่งก็เหมือนกับนักกฎหมายที่รู้เรื่องในบางสิ่งบางอย่าง แต่แทบจะไม่เห็นด้วยเลยกับสิ่งเหล่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้ว่าคุณจะมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะว่าคริปโตเคอเรนซีนั้นเป็นสิ่งใหม่บนโลกและไม่สามารถคาดเดาได้ เมื่อเทคโนโลยีออกมาจากเอกสารที่เป็นกระดาษและเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง จะไม่มีใครรู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งในตอนนี้ได้มีบริษัทต่าง  ๆ ออกมาพูดว่า Bitcoin Cash เป็นสงครามกลางเมืองเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ลักษณะที่น่าประทับใจมากที่สุดของ bitcoin คือ bitcoinสามารถรอดชีวิตมาได้จนถึงปัจจุบัน ทั้ง ๆ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหายมาหลายต่อหลายครั้ง Satoshi Nakamoto ผู้ที่สร้าง bitcoin ต้องการจะให้ bitcoin นี้เป็นสกุลเงินซึ่งดูเหมือนว่าในจะยังเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน รวมทั้งในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะไม่ได้ซื้อนม 1 ไพน์ด้วย bitcoin ตามร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านเช่นเดียวกัน   

เป็นที่ยอมรับว่าหากเราต้องการจะซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ต เราก็ไม่จำเป็นต้องที่จะต้องรีบซื้อของ เพราะเราสามารถซื้อของได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ในชีวิตประจำวันเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ Visa Card Bitcoin นี้ก็แทบจะไม่มีประโยชน์เลย

จุดขายหนึ่งของ Bitcoin (และคริปโตชนิดอื่น ๆ เช่น BitcoinCash Litecoin และ Dash) ก็คือ การเป็นเจ้าของธนาคารของตัวเองซึ่งมันเป็นข้อดี แต่มันก็มีข้อเสียเช่นกัน ซึ่งก็คือจะต้องมีความเข้าใจในเทคโนโลยีเสียก่อน และจำเป็นต้องมีความกระตือรือร้นอย่างมากเมื่อมีโจรเข้ามาปล้นธนาคารของเรา

ถ้ามีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติไป เราจะต้องรับผิดชอบตัวเราเอง และเมื่อเปรียบเทียบกับบัตรเครดิต Bitcoin ดูเหมือนจะความเสี่ยงมากกว่าถ้าเราไม่ได้ต้องการที่จะซื้อยาเสพติดหรือต้องการเลี่ยงภาษี แต่อีกนัยหนึ่ง Bitcoin ก็สามารถที่นำไปเป็นสื่อกลางในการซื้อขายกับใครก็ได้แม้ว่าผู้นั้นจะอยู่อีกซีกโลกหนึ่งก็ตาม

ในปี 2560 เป็นปีที่คุณจะได้กำไรจากการลงทุนในคริปโตอย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่สำหรับปี 2561 เป็นปีที่คุณไม่สามารถลงทุนในคริปโตได้เลย ถ้าคุณลงทุน Bitcoin อย่างทุ่มสุดตัวในเดือนธันวาคมปี 2560 คุณจะขาดทุนประมาณ 3 ไตรมาสของการลงทุนทั้งหมดของคุณในปีนั้น

แต่ไม่ว่า Bitcoin จะมีราคา 2,000 ปอนด์หรือ 20,000 ปอนด์นั้นไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ นักเก็งกำไรจากการลงทุนนั้นไม่สนใจโลกของคริปโตอยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการรับสกุลเงินนี้มาใช้ การกระทำหลาย ๆ อย่างในช่วง 10 ปีแรกนี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา (ปรากฏทั้งในฝั่งซ้ายสุดและขวาสุดทางการเมือง) และในเอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์)

ขณะที่เราพบว่าคริปโตสามารถทำให้พวกคนจนนั้นรวยได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าการเติบโตของ Bitcoin ในอนาคตนั้นจะไม่สู้ดีนัก เนื่องด้วยจากการทุจริต การมีรัฐบาลมีอำนาจมากและสกุลเงินที่เชื่อถือไม่ได้ อย่างไรก็ตามในละตินอเมริกา แอฟริกา และตะวันออกกลางจะเป็นที่ที่ซึ่งพลเมืองจะเห็นคุณค่าในคริปโตซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐนั้นกำลังจัดการ และในปัจจุบันนี้ชาวเวเนซุเอลาก็กำลังศึกษาเรื่องคริปโตอยู่   

Bitcoin มีความจำเป็นหรือไม่ ? อาจจะไม่ความจำเป็นไม่ว่าสกุลเงินที่รัฐบาลสนับสนุนอยู่นั้นจะมีข้อบกพร่องก็ตาม แต่ Bitcoin อาจจะประสบผลสำเร็จได้ในฐานะทองดิจิทัล ซึ่งเป็นที่เก็บมูลค่า เป็นบัญชีเงินฝากมากกว่าสกุลเงินในปัจจุบัน และจะมีพื้นที่ให้กับสกุลเงินของโลกไม่ว่าจะเป็น Bitcoin หรือสกุลเงินอื่น ๆ ที่ต่อยอดจาก Bitcoin ก็ตามอย่างแน่นอน

ความสนใจในคริปโตเมื่อสองสามปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการสร้างสกุลเงินขึ้นมาเกือบจะเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน ถึงแม้บางคนจะบอกว่ามันเป็นเรื่องตลกก็ตาม เช่น ponzicoin แต่ถึงกระนั้นก็ตามเหรียญอื่น ๆ เช่น dentacoin (สำหรับทันตแพทย์) ก็ไม่ใช่ altcoin ส่วนใหญ่ปัจจุบัน (ที่ไม่ใช่ Bitcoin) ซึ่งจะหายไปในไม่ช้านี้

ในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้านี้จะมีเหรียญใหม่ออกมาโดยใช้ Mimble Wimble protocol (เป็น cultural spectrum ของโลกเทคโนโลยีซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยืดหยุ่นเหมือนกับ Game of Thrones และ Harry Potter) และจะมีคู่แข่งที่พร้อมจะมาสู้กับ Bitcoin โดยมีเป้าหมายเพื่อให้อำนาจกับผู้คนอีกครั้งหนึ่งโดยการเอาบริษัทขุดเหมืองคริปโตนั้นออกไปเรียกว่า Grin ซึ่งถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง Grin จะเป็นชื่อที่ดีที่สุดสำหรับสกุลเงินในประวัติศาสตร์                

ที่มา theguardian

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น