ในปีที่ผ่านมา มูลค่าของคริปโตเคอร์เรนซีได้ตกต่ำลงเป็นอย่างมากแต่นักขุด Bitcoin ทั้งหลายต่างก็ยังประมวลผลการทำธุรกรรมต่อไปและได้ Reward ต่อ Block เป็นการตอบแทน ในปี 2018 มีเครื่องขุดจำนวนมากที่ถูกผลิตออกมาโดยเครื่องเหล่านั้นต่างก็มี Hashrate ที่สูงมาก โดยเฉพาะเครื่องที่ผลิตโดย ASIC และผู้ร่วมผลิตบุคคลภายนอกได้ผลิตเครื่องขุดออกมาที่สามารถทำการประมวลผลได้ถึง 28-76 ล้านล้าน Hash ต่อวินาที (TH/s)
เครื่องขุด SHA-256 ตัวท็อปในปี 2019
เมื่อปีที่แล้วมีประกาศออกมาเยอะมากเกี่ยวกับการผลิตเครื่องขุดรุ่นใหม่ที่จะมีขนาดของชิปเพียง 10 nanometor และ 7 nanometer ซึ่งผลิตโดย Samsung และ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ส่วนเครื่องอื่น ๆ ก็จะมีการพัฒนาประสิทธิภาพ ลดความดังของเสียง รวมไปถึงการมีระบบ Water Cooling ด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้นยังมีข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีเท่าไร กล่าวคือเมื่อทางบริษัท GMO Group ได้ออกมาประกาศว่าจะไม่พัฒนา ผลิตและขายเครื่องขุดอีกต่อไปแล้ว ต่อมาก็มีข่าวของบริษัทสตาร์ทอัพ Halong Mining ที่ควรจะเข้ามาเป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมคริปโตแต่บริษัทสตาร์ทอัพดังกล่าวก็ถูกกล่าวหาว่าทำการ rebrand บริษัท Innosilicon และเว็บไซต์ของบริษัทก็ประกาศไว้ว่าผู้ที่ต้องการซื้อเครื่องขุดใหม่จำเป็นต้องกด subscribe ไปที่ waiting list เสียก่อน
ต่อมาจนกระทั่งถึงปลายปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตเครื่องขุดที่มีชื่อเสียงสั่งสมมานานหลายปีก็ได้ประกาศเปิดตัวเครื่องขุดใหม่ออกมาด้วยเช่นกันซึ่งในตอนนี้ก็มีเครื่องขุดใหม่เปิดตัวออกมาหลายเครื่องด้วยกันซึ่งเครื่องเหล่านั้นมันจะ boost hashrate ของเครื่องข่ายขึ้นอีก ทั้งนี้เครื่องขุดด้านล่างที่จะนำเสนอต่อไปจะเป็นเครื่องขุดตัวท็อปที่สามารถทำการประมวลผลได้อย่างมหาศาลและสามารถซื้อขายได้แล้ว
Ebang Ebit E11++
เดือนกันยายนปีที่แล้ว บริษัทสัญชาติจีน Ebang Communication ได้ออกมาประกาศเปิดตัวเครื่องขุดรุ่นใหม่คือ Ebit Miner E-11 series ที่มีความเร็วการประมวลผลอยู่ที่ 30-44 ล้านล้าน hash ต่อวินาที (TH/s) อ้างอิงจาก Asicminervalue.com ในตอนนี้เครื่องขุด E11++ เป็นเครื่องที่ทำกำไรมากที่สุดในบรรดา SHA-256 miner (BCH & BTC) ในตลาด โดยเฉลี่ยได้กำไรประมาณ $1.12 ต่อวัน ซึ่งในวันนี้สามารถทำการซื้อขายจากผู้ผลิตได้โดยตรงแล้ว โดย E11++ miner มีราคาอยู่ที่ $2,024 ต่อเครื่องและทางบริษัทจะทำการจัดส่งภายในเดือนมีนาคม 2019 ซึ่งเครื่องขุดดังกล่าวมีขนาดชิป DW1228 อยู่ที่ 10nm และมี hashrate อยู่ที่ประมาณ 44 TH/s การกินพลังงานไฟฟ้าของเครื่อง E11+ และ E11++ จะอยู่ที่ 1980-2035W
เครื่องขุดดังกล่าวจึงเป็นเครื่องขุดตัวท็อปของโลกตั้งแต่ประกาศเปิดตัวออกมา อย่างไรก็ตามในตอนนี้เครื่องขุด tier ที่ต่ำลงมาสองลำดับคือเครื่องขุดที่มีการประมวลผลอยู่ที่ 30-37 TH/s ได้ขายไปหมดแล้ว
Asicminer 8 Nano
เครื่อง Asicminer 8 Nano เป็นเครื่องขุดที่ใช้สำหรับการขุด SHA-256 algorithm ที่มี hashrate อยู่ที่ 44 ล้านล้าน hash ต่อวินาที สิ่งที่แตกต่างจากเครื่อง Ebang E11++ คือการกินพลังงานไฟฟ้าซึ่ง Asicminer 8 Nano จะกินพลังงานอยู่ที่ 2100W มีการประมวลผล 4 TH/s และมีผลกำไร $0.75 ต่อวัน ตัวชิป AM0813 มีการประมวลผลอยู่ที่ประมาณ 16384 hash cores
ราคาเครื่อง 8 Nano จะถูกกว่าเครื่อง Ebang คือจะมีราคาอยู่ที่ $1,790 ต่อเครื่อง น้ำหนักของเครื่องคือ 60 ปอนด์ ขนาดของเครื่องคือ 500 x 500 x 235mm พัดลมเครื่องจะมีแสงนีออนสีแดงและมีระบบ Water Cooling ที่ไม่ส่งเสียงดังรบกวน สามารถสั่งซื้อเครื่องได้แล้ววันนี้ซึ่งทางเว็บไซต์ประกาศว่ามีเครื่องเหลืออยู่ประมาณ 48 เครื่องเพราะเครื่องผลิตออกมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วและได้ส่งมอบให้ลูกค้าไปแล้วหลายท่าน ซึ่งสามารถดูรีวิวของเครื่องได้ที่ Youtube
Innosilicon Terminator 3 (T3)
เครื่อง Innosilicon พัฒนาโดยเทคโนโลยี Samsung 10nm semiconductor เครื่อง Terminator 3 model หรือเครื่อง T3 สามารถทำการซื้อขายได้แล้ววันนี้และจะเริ่มส่งของภายในสิ้นเดือนมกราคม โดยเครื่องดังกล่าวมีพลังการขุดอยู่ที่ 43 TH/s กินพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 2100W สามารถทำกำไรอยู่ที่ $0.58 ต่อวัน (ในราคาปัจจุบัน)
เครื่อง T3 จะมีราคาแพงกว่า 8 Nano และ the E11++ คือมีราคาอยู่ที่ $2,279 ซึ่งเครื่องที่ผลิตในล็อตแรกจะมีจำนวนจำกัดและล็อตที่สองจะไม่ทำการจัดส่งจนกว่าจะถึงเดือนมีนาคม ใครซื้อก่อนก็จะได้เครื่องก่อน
Bitmain Antminer S15
เครื่องล่าสุดของ Bitmain Antminer มี hashrate สูงสุดอยู่ที่ 28 TH/s และกินพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 1596W โดยเครื่อง S15 นี้จะมีราคาอยู่ที่ $1,249 ต่อเครื่อง ซึ่งเครื่องในการผลิตล็อตแรกจะทำการจัดส่งช่วง 11-20 มกราคม ซึ่งตัวเครื่องจะประกอบด้วยโหมดการขุด 2 ประเภทด้วยกันและมีขนาดของชิปอยู่ที่ 7nm ซึ่งออกแบบให้เครื่องมีความร้อนลดน้อยลงด้วยเช่นกัน
อ้างอิงข้อมูลจาก Asicminervalue.com เครื่องขุดจะให้ผลกำไรอยู่ที่ $0.15 (ของราคาปัจจุบันของ BTC และ BCH) ทั้งนี้เครื่องของ S15 ที่อยู่ใน tier ต่ำลงมาคือเครื่องที่มีพลังการขุด 27 TH/s ซึ่งจะมีราคาถูกลง $45 เมื่อเทียบกับเครื่อง 28 TH/s
Asicminer 8 Nano Pro
บริษัท Asicminer ผลิตเครื่องขุดนาม 8 Nano Pro ที่มีพลังการขุดอยู่ที่ 76 ล้านล้าน hash ต่อวินาที กินพลังงานไฟฟ้า 4000W และมีราคาของเครื่องอยู่ที่ $11,600 ต่อเครื่อง โดยทั้งนี้ลูกค้าจำเป็นจะต้องซื้อเครื่องดังกล่าวอย่างน้อย 5 เครื่องจึงจะทำการสั่งซื้อได้ ซึ่งชิป AM0813 มีขนาด 8nm ให้ผลกำไร $0.13 ต่อวัน โดยเครื่อง 76 TH/s มีขนาด 500 x 1000 x 240mm และมีน้ำหนัก 150 ปอนด์ มีระบบ Water Cooling ที่ไม่ส่งเสียงดัง คือมีระดับความดังของเสียงอยู่ที่ 48 เดซิเบล ทั้งนี้เครื่อง 76 MH/s Pro version ดูเหมือนจะขายได้ไม่ดีเท่าใดนักเพราะไม่มียอดขายเพิ่มทางออนไลน์หรือมีรีวิวของเครื่องออกมาให้เห็น
เครื่องขุดที่ออกมาใหม่อาจจะทำให้ผลกำไรจากขุดดีขึ้นได้หรือไม่
อย่างไรก็ตามทั้งเครือข่ายของ BTC และ BCH ที่ใช้ SHA-256 ดูเหมือนจะมี hashrate โดยภาพรวมลดลงเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ Bitcoin Core (BTC) network มี hashrate อยู่ที่ประมาณ 40 exahash ต่อวินาที (EH/s) ในขณะที่ Bitcoin Cash (BCH) มี hashrate อยู่ที่ 1.5 EH/s ณ ขณะนี้
นอกจากนั้นแล้ว เครื่องขุดเก่า ๆ ที่มีพลังการขุดน้อยดูเหมือนว่าจะขายไม่ออกและมีราคาตกลง แม้กระทั่งตัวเครื่อง tier ล่าง ๆ ของ Ebang, Bitmain, และ Innosilicon ที่เปิดตัวออกมาเมื่อ 3 เดือนก่อนก็ไม่มีผลกำไรออกมาให้เห็นเลยเนื่องจากราคาเหรียญคริปโตในตลาดตกต่ำลง ทางเราจึงคาดหวังว่าเครื่องขุดใหม่ ๆ นี้จะทำให้นักขุดได้รับประโยชน์จากขุดมากขึ้น
อ้างอิงจาก news.bitcoin.com
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น