<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ศาสตราจารย์จาก MIT, Stanford และ Carnegie Mellon ฟอร์มทีมกันสร้างคริปโตเพื่อแข่งกับ Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บรรดาศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย 7 แห่งของสหรัฐอเมริกาฟอร์มทีมกันสร้างคริปโตเคอเรนซีที่เร็วกว่า Bitcoin และยังคงคอนเซปต์ของการ decentralisation โดยจะรู้จักกันในชื่อ Unit-e และเป็นโปรเจ็กแรกของ Distributed Technology Research (DTR) ซึ่งเป็นมูลนิธิที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของนักวิชาการและได้รับการสนับสนุนจาก Pantera Capital Management LP

นักวิชาการทั้งหลายนี้มาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐอเมริกาดังต่อไปนี้:

  • University of California, Berkeley
  • Massachusetts Institute of Technology (MIT)
  • University of Southern California
  • Carnegie Mellon University
  • University of Illinois Urbana-Champaign
  • University of Washington
  • Stanford University

โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และไฟฟ้า การเงิน และเศรษฐศาสตร์

อย่างไรก็ตามในทีมยังมีวิศวกรระบบในสาขาเฉพาะด้านการสื่อสารแบบไร้สายที่ไม่ได้สังกัดมหาวิทยาลัยใด ๆ มาร่วมด้วย

Unit-e กับการทำธุรกรรม 10,000 ธุรกรรมต่อวินาที

Joey Krug ประธานร่วมด้านการลงทุนของ Pantera Capital ใน San Francisco และเป็นสมาชิกของ DTR ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นเรื่องความพยายามในการสร้าง Unit-e ว่า

“ประชาชนตระหนักได้ว่าเครือข่ายเหล่านี้อาจไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก

พวกเราอยู่ในจุดสูงสุดของสิ่งที่จะไม่ได้ขยายต่อไปอีกในเร็ว ๆ นี้ ในเชิงอุดมคติอาจจะเป็นความคิดที่ดี แต่อาจใช้ไม่ได้ในทางปฏิบัติ”

Unit-e จะมีการนำออกมาใช้ในช่วงกลางปีถึงสิ้นปีโดยประมาณ และมีเป้าหมายของการดำเนินการทำธุรกรรม 10,000 รายการต่อวินาที        

เกี่ยวกับ Distributed Technology Research (DTR)

มูลนิธิ DTR  ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจในการสร้างและพัฒนางานวิจัยใหม่ ๆ โดยมีจุดประสงค์ในการขยายความพยายามของภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการ และช่วยพัฒนาให้โลกมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้น

Babak Dastmaltschi ประธานมูลนิธิ DTR กล่าวเสริมเรื่องภารกิจการสร้าง Unit-e ว่า

“ตลาดบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลกำลังอยู่ในจุดสนใจ ในขณะที่อุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมการสื่อสารทางไกลและอินเทอร์เน็ตนั้นอยู่ในจุดอิ่มตัว

ตอนนี้เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง พวกเรากำลังเข้าใกล้ในจุดที่ทุกคนบนโลกนั้นสามารถเข้าหากันได้ ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีจะช่วยให้ทุกคนสามารถสื่อสารระหว่างกันได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ตัวกลางอีกต่อไป”

ที่มา ethereumworldnews

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น