การดีเบตในประเด็นเรื่องขนาดบล็อกของบิตคอยน์เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันมาสักพักใหญ่ ๆ แล้วในสังคมจนกระทั่งนำไปสู่การ Hard Fork ออกเป็น Bitcoin Cash (BCH) และ Bitcoin SV (SV)
นาย Luke Dashjr นักพัฒนาของ Bitcoin Core ผู้ริเริ่มเปิดประเด็นให้ลดขนาดบล็อคของ Bitcoin ลงเหลือ 300KB ทำให้เกิดประเด็นถกเถียงร้อนแรงในหมู่ชุมชน Bitcoin ทำให้ผู้มีอิทธิพลหลาย ๆ คนได้ออกความคิดเห็นต่อเรื่องนี้กันมาก
เขาได้โพสต์ทวิตเตอร์ว่า:
“มันไม่มีการการันตีใด ๆ พวกเราจำเป็นที่จะต้องลดขนาดบล็อกลงเพื่อให้ความหวังเป็นจริงและเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ Blockchainในตอนนี้มีขนาดใหญ่กว่าที่ทุกคนจะทนไหวทำให้สถานการณ์มันแย่ลงเรื่อย ๆ”
นาย Roger Ver ซีอีโอของ Bitcoin.com และผู้สนับสนุนหลักของ BCH ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนาย Dashjr ไว้ในยูทูปของ Bitcoin.com
ซึ่งเขาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่ให้ลดขนาดบล็อคลงเหลือ 300 KB แล้วเขายังกล่าวอีกด้วยว่าหากมีการลดขนาดบล็อคลงจริงเขาจะขาย Bitcoin ที่เขาถืออยู่ตอนนี้
ในวีดีโอ เขากล่าวต่อไปว่า:
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณ Luke Jr. และคนอื่น ๆ จะปรับขนาดบล็อคของ BTC ลงเหลือ 300KB และถ้าหากทำจริงผมจะขาย BTC ของตัวเอง อาจจะขายทั้งหมดเลยก็ได้ ความคิดเช่นนั้นเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก”
นอกจากนี้นาย Gabriel Cardona นักพัฒนาของ Bitcoin Cash, Badger Wallet และ Bitbox ก็ได้ออกมาโพสต์วีดีโอโต้แย้งแนวคิดของนาย Dashjr ด้วยเช่นกัน เขาไม่เห็นด้วบกับการลดขนาดบล็อคเพราะมันจะส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การใช้งานเป็นอย่างมาก
“ความผิดพลาดที่แย่มากของการลดขนาดบล็อคและความผิดพลาดที่ขึ้นอยู่กับ Lighting Network ในเรื่องโซลูชั่นการสเกล คือประสบการณ์ของผู้ใช้งานลดลงทั้งที่มันมีวิธีการที่ดีกว่านี้ ซึ่งมันเป็นความเข้าใจผิดขั้นพื้นฐานในเชิงลึก”
ในขณะเดียวกันนาย John Carvalho หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม Bitcoin Error Log ได้ออกมาโพสต์ทวิตเตอร์เห็นด้วยกับการลดขนาดบล็อค เขาเห็นว่ามันสมเหตุสมผลเพราะ Lighting Network รวมถึงเขากล่าวด้วยว่าตนอาจจะทำการ soft fork
“ผมเห็นด้วยกับ @LukeDashjr ในเรื่องของการลดขนาดบล็อคลง ผมรู้สึกว่าตอนนี้เรามี Lighting Network แล้ว ผมอาจจะทำการ Soft Fork ออกมาเอง”
อย่างไรก็ตามผู้ร่วมก่อตั้ง Bitcoin.org และ Bitcointalk.org นาย Cobra ได้ออกมาคัดค้านการลดขนาดบล็อค ในทวิตเตอร์ของนาย Cobra กล่าวว่า:
“หยุดความบ้าคลั่งนี้ซะ สิ่งสุดท้ายที่ Bitcoin ต้องการคือการ Soft Fork เพื่อลดขนาดบล็อก ซึ่งแท้จริงแล้วมันคือการ Hard Fork ดี ๆ นี่เองเพราะมันจะแยกตัวออกมาจากระบบฉันทามติซึ่งทำให้เกิดการดราม่าครั้งใหญ่ตามมารวมถึงส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ Bitcoin ด้วย”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น