บริษัทชั้นนำของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่าง General Motors และ BMW ได้สนับสนุนเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่ระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูล (Data sharing) สำหรับรถยนต์ไร้คนขับ หรือ self-driving car ระหว่างพวกเขาและเหล่าผู้ผลิตรถยนต์
โดยเหตุผลเบื้องหลังการสนับสนุนคร้งนี้คือการที่พวกเขาต้องการที่จะเข้าถึงข้อมูลที่มีประโยชน์จากระบบข้อมูล (silos) ของรถยนต์ไร้คนขับเหล่านี้เพื่อให้สามารถนำรถเหล่านี้ออกใช้จริงได้เร็วขึ้นในอนาคต โดยการดำเนินการในส่วนนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกิจการร่วมค้าในชื่อ Mobility Open Blockchain Initiative (MOBI) โดยมีวัตถุประสงค์ในการผสมผสานเทคโนโลยี distributed ledger (DLT) มาใช้ในอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ทาง MOBI ยังได้มีโครงการต่อไปคือการดำเนินการระบบตลาดการแลกเปลี่ยนข้อมูลของรถยนต์ไร้คนขับ หรือ autonomous vehicle data markets (AVDM) ซึ่งมีบริษัท General Motors (GM) เป็นประธานในการบริหาร ความจริงจังของบริษัทในด้านนี้แสดงให้เห็นได้จากการที่บริษัทได้ทำการยื่นขอสิทธิบัตรแก่ระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งใช้เทคโนโลยี Blockchain เช่นเดียวกันไปเมื่อปลายปีก่อน โดยนาย Michal Filipowski ผู้เป็นทั้งหัวหน้าของโครงการดังกล่าวและเป็นผู้บริหารฝ่ายนวัตกรรมของทาง GM ได้ให้ความเห็นกับสื่อไว้ว่า
“ผมมีความตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ร่วมบริหารโครงการดังกล่าวซึ่งเป็นการผลักดันการพัฒนาความร่วมมือของทางบริษัทและหล่าผู้รับจ้างผลิตสินค้าหรือ OEM [original equipment manufacturers] รวมทั้งเหล่าสมาชิกของ MOBI ด้วย”
นอกจากนี้ทางบริษัท BMW ยังได้ออกมาแสดงความสนใจในระบบดังกล่าว อีกทั้งยังได้ออกมายอมรับว่าการที่ข้อมูลของรถยนต์ไร้คนขับซึ่งถูกเก็บอยู่แต่ในระบบเก็บข้อมูลเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นอุปสรรคหลักในการเพิ่มความนิยมในวงกว้างของนวัตกรรมดังกล่าว โดยนาย Andre Luckow ผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี Blockchain ยังได้กล่าวแก่สื่ออีกว่า
“การมาถึงของเทคโนโลยี Blockchain นั้น จะก่อให้เกิดระบบการบริหารจัดการข้อมูลโดยปราศจากการควบคุมจากส่วนกลางที่มีประสิทธิภาพ และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น…รวมทั้งเทคโนโลยีที่ได้เกิดขึ้นใหม่ๆในปัจจุบันอย่างเช่น ระบบ machine learning ซึ่งปราศจากการควบคุมจากส่วนกลาง, ระบบคอมพิวเตอร์หลายฝ่ายซึ่งมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว, ตลาดของข้อมูลที่ปราศจากการควบคุมจากส่วนกลาง เป็นต้น โดยสิ่งเหล่านี้นั้นจะเป็นเครื่องมืออย่างดีในกระบวนการประมวลผลข้อมูลในอนาคต”
อย่างไรก็ตามวงการรถยนต์ไร้คนขับนั้นได้ประสบกับอุปสรรคใหญ่อีกอย่างหนึ่งคือ ความจำเป็นของรถยนต์ที่จะต้องมีการรับรู้ข้อมูลในปริมาณมาก กว่าที่จะสามารถเรียนรู้ว่าควรจะขับขี่อย่างไรในสภาพพื้นที่และสถานการณ์ต่างๆกันได้
การเก็บข้อมูลการใช้งานเพื่อพัฒนารถไร้คนขับ
อ้างอิงจากรายงานของบริษัท Rand Corp การเรียนรู้ของรถยนต์ไร้คนขับในระดับที่จะสามรถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในทุกสภาพพื้นที่และทุกสถานการณ์นั้น อาจต้องใช้ข้อมูลจากการขับขี่ถึงหลายแสนล้านกิโลเมตร ผ่านการประมวลผลข้อมูลที่ได้รับจากกล้องติดรถยนต์และ Lidar (ระบบตรวจจับซึ่งมีหลักการทำงานเช่นเดียวกับเรดาร์ แต่ใช้แสงเลเซอร์) และแม้ว่าการรวบรวมข้อมูลในรูปแบบนี้นั้นอาจฟังดูไร้สาระ แต่ข้อมูลเหล่านี้เป็นเสมือนสิ่งล้ำค่า สำหรับบริษัทในอุตสาหกรรมนี้ตั้งแต่ผู้ผลิตรถยนต์, บริษัทอูเบอร์ จนกระทั้งบริษัทในเครือของกูเกิ้ล หรือแม้กระทั่งบริษัท Waymo
ด้วยความซับซ้อนดังกล่าวจึงเป็นช่องทางให้เทคโนโลยี Blockchain เข้ามามีส่วนในการพัฒนา โดยนาย Sebastien Henot ซึ่งเป็นทั้งหัวหน้าฝ่ายนัวตกรรมของห้องทดลองของกลุ่มบริษัท Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance และประธานของโครงการ vehicle identity ของ MOBI ได้กล่าวให้ความเห็นไว้ว่า
“ ผู้คนในอดีตมักจะคิดว่าข้อมูลของพวกเค้าซึ่งอยู่แยกต่างหากจากคนอื่นนั้นมีค่ามาก แต่ในปัจจุบันนี้ข้อมูลเหล่านั้นเป็นเสมือนเครื่องปรุงสำหรับอาหารซึ่งจำเป็นต้องนำมาใช้ร่วมกันเพื่อสร้างสิ่งที่มีประโยชน์ใหม่ขึ้นมา ดังนั้นการที่ตลาดข้อมูลได้นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้นั้นมีเหตุผลมาจากความชัดเจนที่จะเกิดขึ้นในระบบถึงที่มาที่ไปของข้อมูลต่างๆนั่นเอง”
McConaghy ได้กล่าวปิดท้ายว่า “เหล่าเจ้าของข้อมูลมักจะรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องถูกเก็บข้อมูลไว้ที่ส่วนกลางอื่นนอกจากแหล่งข้อมูลดั้งเดิม ซึ่งมันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าหากเราสามารถดำเนินการะบวนการเรียนรู้ของ machine learning ผ่านเครือข่ายข้อมูลจากแหล่งข้อมูลแต่ละแห่งโดยอิสระจากการรวมไว้ที่ส่วนกลางได้ ” อันเป็นสิ่งที่ทั้ง GM และ BMW นั้นสนใจ
ที่มา : coindesk
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น