นาย Erik Voorhees หรือ CEO ของ ShapeShift ได้แสดงความเห็นใน Twitter ของเขาเกี่ยวกับสภาพที่เว็บเทรดระดับโลกอย่าง Bitfinex ต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้ ซึ่งก็คือการที่เขาถูกอัยการสูงสุดของศาลนิวยอร์คตั้งข้อหาว่าฉ้อโกงเงินของลูกค้า ที่ภายหลังจากมีการพิสูจน์แล้วว่าบริษัท Crypto Capital เป็นผู้ยักยอกเงินจำนวนกว่า 850 ล้านดอลลาร์ออกจาก Bitfinex ไป นั่นหมายความว่าพวกเขานั้นมีเงินสำรองคลังมาหนุนหลังเหรียญ USDT จริง เพราะหากไม่มี เงินดังกล่าวก็ไม่สามารถถูกขโมยออกไปได้
Ironically, this latest Bitfinex drama may be the one thing that disproves the “Bitfinex’ed” conspiracy theory. If USD in that amount was seized/stolen/held by Crypto Capital, then the USD backing Tether DID actually exist after all. @Bitfinexed claim was that USD never existed.
— Erik Voorhees (@ErikVoorhees) April 26, 2019
การสอบสวน : หลักฐานของ BITCOIN EXCHANGE และความเกี่ยวข้องกับ Tether
อัยการสูงสุดของนิวยอร์กอ้างว่าเว็บเทรด Bitfinex ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดซื้อขาย Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีเงินจำนวน 850 ล้านดอลลาร์ที่มาหนุนหลังเหรียญ USDT จริงและอาจมีความผิดฐานฉ้อโกงอีกด้วย
ด้านอัยการสูงสุดและนักเทรดบางรายที่ไม่สบายใจได้มีการเรียกร้องให้ Tether ส่งมอบเอกสารทั้งหมดไปยังรัฐนิวยอร์ก ซึ่งก็คือบันทึกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับผู้ค้าที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์กและผู้ที่ถือ Tether และเชื่อว่าอาศัยอยู่ในนิวยอร์ก
ทางด้าน Bitfinex นั้นออกมาให้การปฏิเสธแทบจะทุกข้อกล่าวกับทางศาลนิวยอร์ก แม้ว่าทางบริษัทได้มีการหยุดให้บริการซื้อขาย Tether แบบเอ็กคลูซีฟไปตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว และทาง Tether เองได้มีการเปลี่ยนกฎแนวทางเกี่ยวกับการถอนเหรียญเมื่อเร็ว ๆ นี้
ทว่าคนในวงการ Crypto ต่างสงสัยมาเป็นเวลานานแล้วว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับบริษัท Tether Limited ล้วนแล้วแต่ไม่น่าจะถูกต้อง ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการออกเหรียญ Tether หรือ USDT แน่นอน ซึ่งมันยังคงเป็นเหรียญ stablecoin ที่สำคัญและมีความเก่าแก่ที่สุดโดยมีจำนวนในตลาดกว่า 1,000 ล้านหน่วย หากเทียบเหรียญเกิดใหม่อย่าง TrueUSD, Paxos Standard และ USDC
Bitfinex ได้ออกมากล่าวว่า :
“เอกสารที่ยื่นต่อศาลของอัยการสูงสุดของนิวยอร์ก ถูกเขียนขึ้นโดยไม่สุจริตยุติธรรม และเต็มไปด้วยการอ้างสิทธิที่ผิดพลาด รวมไปถึงการสูญเสียมูลคริปโตกว่า 850 ล้านดอลลาร์ ในทางตรงกันข้ามเราได้รับแจ้งว่าจำนวนมูลค่าคริปโตไม่ได้สูญหายไปไหนเพียงแต่เปลี่ยนที่รับ และในความเป็นจริงมันแค่ถูกยึดและปกป้องเท่านั้น”
ทางเว็บเทรดของเราเป็นผู้ที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อใช้สิทธิและรักษาพร้อมทั้งรับเงินทุนเหล่านั้นออกมาใช้ น่าเศร้าที่ทางสำนักงานอัยการสูงสุดของนิวยอร์กตั้งใจจะทำลายความพยายามต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับลูกค้าของเรา”
ดูเหมือนว่า Tether จะได้รับการสนับสนุนด้วยเงินจริง ในครั้งนึง ทำให้แผนการ “Bitfinex” แย่ลงกว่าเดิม
เหรียญ Stable Coin อื่น ๆ มีความต้องการที่สูงขึ้น
เหรียญ Tether นั้นมีค่าธรรมเนียมการถอนที่แพงกว่าเจ้าอื่น ๆ ในความเป็นจริงมันควรมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่านั้นถึง 1 – 2 เปอร์เซ็นต์โดยการเปลี่ยนแปลงเป็นสกุลเงินอื่น ๆ มีความเสถียรภาพที่ดีกว่าและถอนเงินออกมาได้มากกว่าการถอนผ่าน Tether โดยตรง
ในบันทึกอื่น ๆ ได้มีการบอกไว้ว่าเหรียญที่โดนแฮ็กจาก Bitfinex มูลค่าเกือบ ๆ 120,000 Bitcoin (BTC) ได้เริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้วตามรายงาน โดยช่วงเวลาของการโยกย้ายในครั้งนี้น่าสนใจเป็นอย่างมากมากและนำไปสู่การคาดเดาต่าง ๆ มากมาย เมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมามี Bitcoin ประมาณ 27 ถูกส่งกลับไปยังเว็บเทรดซึ่งเป็นผลมากจากความพยายามของรัฐบาลสหรัฐ
อัยการสูงสุดของนิวยอร์กกล่าวว่า Crypto Capital ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนบนเกาะปานามาขโมยเงินจำนวน 850 ล้านดอลลาร์จาก Bitfinex ที่กำลังมีปัญหาในการหาเงินมาชดใช้ให้กับลูกค้าของพวกเขาในขณะที่ทางอัยการสูงสุดได้เริ่มการสืบสวนสอบสวนของพวกเขาแล้ว
ดังที่นาย Voorhees ได้กล่าวไว้ว่าสิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าเงินนั้นมีอยู่จริง จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่ Bitfinex แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างบริษัท Tether Limited และเว็บเทรด Bitfinex โดยพวกเขาได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ซึ่งหากเงินก้อนดังกล่าวมีจำนวนมากพอที่จะให้ Crypto Capital ขโมยไปได้ นั่นก็แปลว่า ‘เงินนั้นมีอยู่จริง’
อย่างไรก็ตามจะมีการเปิดเผยข้อมูลให้กับผู้สื่อข่าวและประชาชนทั่วไปได้รับทราบเกี่ยวกับกรณี Bitfinex และ Tether Limited ในไม่ช้า โดยหาก Bitfinex และ Tether นั้นมีความผิดในการฉ้อโกง พวกเราจะได้เรียนรู้ และขุดคุ้ยข้อเท็จจริงที่น่าสนใจของเว็บเทรดที่เก่าแก่และยิ้่งใหญ่ในโลกคริปโตกัน
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น