จะมีใครคิดหรือไม่ว่าโลโก้ที่เป็นสัญลักษณ์ของโครงการ จะสามารถ แสดงออกถึงความเป็นมิตร หรือแม้แต่แสดงถึงตัวตนของอุตสาหกรรม รวมไปถึงการเคลื่อนไหวต่าง ๆ มันจะมีประโยชน์ที่มากขนาดนี้
สำหรับการเป็นโลโก้แล้วการทำหน้าที่ทั้งหมดข้างต้นดูแล้วและก็การออแบบหนึ่งเพื่อให้ได้ครับทุกองค์ประกอบคงไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงไปกว่าโลโก้ของ Bitcoin ไปแล้ว
ตัวมันเองนั้นไม่มีบริษัทที่ออกแบบ ไม่มีเฮ้าส์ด้านกราฟฟิคที่ดูแลอย่างเป็นทางการเหมือนอย่างที่หลาย ๆ โปรเจกต์ใน Silicon Valley มี ถึงแม้ว่าโครงการ Bitcoin ในตอนแรกจะไม่น่าเชื่อถือ และไม่เพียงพอให้ผู้คนได้รู้สึกว่ามันเป็นจริง แต่กลับกลายเป็นว่าในตอนนี้เราเห็นผู้คนติดสัญลักษณ์ Bitcoin อยู่เต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นบนเสื้อของพวกเขา คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์ของพวกเขาล้วนแล้วแต่มีตราสีส้ม ๆ ที่มีส่วนช่วยให้ Bitcoin เป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก
Bitcoin นั้นก็มีสัษลักษณ์ที่คล้ายคลึงกันกับสกุลเงินอื่น ๆ โดยตัวมันเองได้รับการแนะนำให้กับผู้ใช้ใหม่ได้รู้จักโดยเป็นเหมือนตัวแทนของการชำระเงินรูปแบบใหม่ที่สติกเกอร์ ยินดีรับ Bitcoin นั้นถูกติดไว้อยู่ข้าง ๆ กับสติกเกอร์โลโก้ของ Visa กับ Mastercard ในร้านค้าแต่เชื่อหรือไม่ว่ากว่าจะมาเป็นโลโก้ Bitcoin ในวันนี้มันได้มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน จนถึงขั้นที่ว่าเคยมีคนออกมาโต้เถียงเพื่อหาแบบที่ดีที่สุดให้กับเจ้าเหรียญส้ม ๆ นี้เลยทีเดียว
มกราคม หรือ มีนาคม 2019
มีการคาดการณ์ไว้ว่าโลโก้ Bitcoin ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเลยนั้นจะมาจากไหนเป็นไม่ได้นอกจากนาย Satoshi Nakamoto ที่ปรากฏตัวอยู่ไม่นานก่อนที่จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอบและทิ้งไว้เพียงสกุลเงินที่จะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาลและโลโก้แรกของเขาสิ่งก็คือเหรียญสีทองที่มีคำว่า BC โดยสันนิฐานว่าน่าจะย่อมาจาก Bitcoin ไว้ให้กับชุมชน
หากพูดกันตามตรงแล้วพวกเราไม่ค่อยมีความรู้ที่เกี่ยวกับโลโก้ดั้งเดิมนี้กันเท่าไหร่นักโดยโลโก้ดั้งเดิมของ Bitcoin นี้น่าจะถูกสร้างมาพร้อม ๆ กับชุมชน Bitcoin ยุคแรกโดยเป็นการเลียนแบบเหรียญโลหะ เปรียบเหมือนกับเป็นระบบทางการเงินเพื่อใช้ในการเเลกเปลี่ยนสินค้าต่าง ๆ ซึ่งเป็นอุดมคติของผู้ที่ชื่นชอบ Bitcoin ทั้งหลายในตอนนั้น
โดยภายในชุมชน Bitcoin นั้นมันเป็นการยากที่จะบอกได้ว่าผู้ใช้พอใจกับไอคอนดั้งเดิมหรือไม่ ผู้ใช้บางคนเสนอทางเลือกในการเอา “BC” ออกแล้วใช้สัญลักษณ์ที่คล้านกับเงินบาทของไทยเราเข้าไปแทน ในขณะที่คนบางคนได้แนะนำว่าให้รวมกันระหว่างสกุลไทยบาทกับเงิน Costa Rican มารวมกัน
นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้งานบางส่วนได้ให้ความเห็นว่าควรจะเพิ่มตัว T ลงไปตรงกลายและให้เป็น BTC ซึ่งในตอนนี้ก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ที่เราใช้กันในโลก Cryptocurrency ทุกวันนี้
สุดท้ายแล้วมีคนในชุมชนได้บอกว่าพวกเราไม่เห็นจำเป็นต้องทำให้เหมือน ๆ กับสกุลเงินอื่นด้วยซ้ำไปและไม่จำเป็นต้องใช้สัญลักษณ์มาตราฐานด้วย
“ จิตวิญญาณของ bitcoin คือไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางหรือนโยบาย ‘เป็นทางการ’ เช่นเดียวกับสกุลเงินอื่น ๆ”
Timo Y ผู้ใช้งาน Bitcoin Talk หนึ่งคนเขียนและเพิ่มเติมไว้ว่า:
“เราควรปล่อยให้มันพัฒนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติของมันพัฒนาไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกันกับ ภาษาของมนุษย์เราที่มีการพัฒนาไปในตัวของมันเองแบบที่ไม่ฝืนธรรมชาติ”
24 กุมภาพันธ์ 2010
ในขณะที่บิดาแห่ง Bitcoin ยังคงอยู่นั้นเขาได้ทำการปรับเปลี่ยนโลโก้เพิ่มเติมโดยได้มีการนำ BC ออกไปและใช้เพียงแค่ตัว B ตัวเดียวพร้อมกับมีขีด 2 ขีดเข้ามา
โดยโลโก้ดังกล่าวนั้นได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากชุมชน Bitcoin เป็นอย่างมากแต่อย่างไรก็ตามบางคนยังคัดค้านว่าโลโก้ตัว B นั้นมันเหมือนกับไทยบาทจนเกินไปและกังวลว่าจะสร้างความสับสนให้กับคนอื่นได้เช่นกันนอกจากนี้ยังถูกวิจารณ์อีกว่างานดูไม่ค่อยมีอาชีพเท่าไหร่นัก
ผู้ใช้รายหนึ่งได้เขียนถึงโลโก้ Bitcoin ในตอนนั้นไว้ว่า “เราควรจะเริ่มแก้ไขโลโก้ก่อนที่แบรนด์จะดูแย่ลงไปกว่านี้หากมันเริ่มยิ่งใหญ่และเป็นที่รู้จักมากขึ้น พวกเราไม่ควรแต่เพียงมองว่าโอเคเราโลโก้ที่แค่ ดี เฉย ๆ เมื่อเราสามารถทำให้มันดูดีได้มากกว่านี้”
1 พฤศจิกายน 2010
หลังจากที่เป็นที่ถกเถียงกันมาสักระยะหนึ่งนั้นการถือกำเนิดของโลโก้ bitocin ที่ได้รับความนิยมและยอมรับสูงสุดได้ถือกำเนิดขึ้น
โดยไม่มีใครรู้ท่ีมาที่ไปของผู้สร้างเท่าไหร่นักเพราะเขาเป็นเหมือนหน้าใหม่ในวงการ Bitcoin ที่เข้ามาแค่เพียงสมัครเข้ามาในชุมชนและใช้ชื่อว่า Bitboy และโพสต์ข้อความพร้อมโลโก้ Bitcoin ที่จะเปลี่ยนไปตลอดกาล
“สวัสดีทุก ๆ คนผมเพียงแค่จะเข้ามาทักทายทุก ๆ คนและเเชร์กราฟฟิค Bitcoin กับทุก ๆ คนหวังว่าพวกคุณจะชอบและมันจะมีประโยชน์กับชุมชนนะ”
และแน่นอนว่าโลโก้ของเขามีประโยชน์จริง ๆ เมื่อโลโก้ของ Bitboy นั้นเต็มไปด้วยความเรียบเงียบสีส้มตัดขาวนั้นทำให้มันดูดีมีระดับมากขึ้นและถูกใช้งานอย่างแพร่หลายทันทีที่มันถูกเผยแพร่ออกไปนั้นเอง
Bitboy เปลี่ยนแนวคิดดั้งเดิมของ Satoshi ให้เป็นโลโก้ที่อ่านง่ายและปรับขนาดได้ซึ่งสามารถสร้างแบรนด์ได้มากกว่าเหรียญทองธรรมดา และนี่ดูเหมือนจะเป็นการจงใจ ความคิดเห็นของ Bitboy ใน Bitcoin Talk ดูมีระดับและน่าจะมีภูมิความรู้เกี่ยวกับเรื่องการตลาดด้วยอย่างแน่นอน นอกจากนี้เขายังถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบโลโก้ของ Msatercard และ Visa ด้วยซึ่งเขาได้ออกมาตอบข้อสงสัยนี้ว่า
“นั่นเป็นแรงบันดาลใจของผมในการออกแบบโลโก้ Bitcoin นี้มันเหมือนเป็นการประชดประชันระบบ Visa และ msatercard ทั้ง 2 เมื่อพูดถึงความเชื่อมั่นและวิธีที่พวกเขาดูแลลูกค้า (ขำ)”
นอกเหนือไปจากนี้แล้วโลโก้ Bitcoin ของ Bitboy ยังได้ถูกนำไปทำเป็นของประดับต่าง ๆ มากมายโดยมียอดเสริชใน Google ที่สูงเป็นอย่างมากและมีสินค้าที่เกี่ยวกับ Bitcoin มากถึง 11 ล้านรายการ และ 34 ล้านสำหรับเสื้อยืด bitcoin ที่มีโลโก้ของ Bitboy
เมษายน 2014
ถึงกระนั้นทุกคนก็ไม่ได้ชื่นชอบโลโก้ Bitcoin ดังกล่าวเท่าไหร่นักและไม่ได้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงในชุมชน
เช่นเดียวกับผู้อยู่เบื้องหลัง bitcoinsymbol.org ได้มีการรณรงค์มาหลายปีเพื่อเปลี่ยนแปลง ในความเป็นจริงพวกเขาไม่ต้องการให้ bitcoin มีอะไรคล้ายกับโลโก้ซะด้วยซ้ำไป
“ มันเป็นไฟล์รูปภาพที่ไม่เหมือนใครเหมือนที่ บริษัท ใช้ในการขายหรือโปรโมตผลิตภัณฑ์”
เว็บไซต์ซึ่งสร้างโดย ECOGEX studio ซึ่งเป็นสตูดิโอออกแบบกราฟิก
“สกุลเงินนั้นแสดงด้วยสัญลักษณ์เช่น $, €หรือ¥โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกคนได้ใช้งานง่ายและจำแนกได้”
เช่นนี้กลุ่มผู้สนับสนุนการยอมรับในการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นตัวอักษรในหลายตัวอักษรรวมถึงภาษาละตินและหลายภาษาในเวียดนาม
โดยเขาได้ให้เหตุผลที่ออกแบบโลโก้เป็นแบบนี้ไว้ว่า “ ในฐานะที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบเพียร์ทูเพียร์ที่มีการกระจายอย่างกว้างขวาง Bitcoin ต้องการอัตลักษณ์กราฟิกโอเพนซอร์ซที่ได้รับการออกแบบด้วยซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สโดยและเพื่อชุมชน”
ตุลาคม 2016
ดูเหมือนทุกอย่างกำลังจะจบลงแต่ทว่าข้อโต้แย้งเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2010 โดย Phil Wilson (ซึ่งใช้นามปากกา “Scronty”) โพสต์ในชุมชน Reddit โดยอ้างว่าเขาเป็นหนึ่ง Satoshi Nakamoto ตัวจริง
ในขณะที่ Phil Wilson ยังขาดหลักฐานจาก blockchain ต่าง ๆ เพื่อยืนยันว่าเป็น Satoshi ตัวจริง เช่นกุญแจส่วนตัวเพื่อย้ายเงินเก่าที่เชื่อมโยงกับบัญชีของ Satoshi เขาได้ตีพิมพ์คำแนะนำมากมายเกี่ยวกับวิธีการสร้างโลโก้เหรียญทองแบบที่ของ Satoshi และโลโก้ของ bitboy
แต่หลาย ๆ คนย่อมไม่เชื่อในคำพูดของเขาและได้มีการเข้าไปสืบค้นและพบช่องโหว่หลายอย่างในตัว Wilson จนเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่เขาพูดมามันดูไม่จริงเอาซะเลยจน Wilson ต้องออกมาบอกว่าเขาและ Martti Malmi ผู้พัฒนา bitcoin คนที่สองที่รู้จักกันในชื่อ“ Sirius” ได้ช่วยเขาในการออกแบบโลโก้ที่ 2 ซึ่งทางด้านนาย Malmi ก็ได้ออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่เคยร่วมงานกับชายผู้นี้
แน่นอนว่าประเด็นนี้ตกไปทันทีและเรื่องราวของ Phil Wilson เหมือนกับเรื่องแต่งเกี่ยวกับ Bitcoin ที่เพ้อฝันอยู่ดี
ที่มา: Coindesk
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น