ตามรายงานของ CCN ได้มีการออกมารายงานว่าตั้งแต่ต้นปี 2019 ที่ผ่านมานั้นมีผู้คนที่สนใจและใช้ Google ในการค้นหาคำว่า Bitcoin เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากข้อมูลใน Google Trends
อย่างไรก็ตามมันกลับส่วนทางในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจากการที่นักลงทุนในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ลดลงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์จากจุดสูงสุดที่พวกมันเคยทำได้และนั้นทำให้มีความเป็นไปได้ที่สูงรวมกับพื้นที่ในการเติบโตที่จะทำให้ Crypto กลับมาโด่งดังได้อีกครั้ง
ตามข้อมูลของ Google นั้นบอกเราว่าการค้นหาคำว่า Bitcoin ยังคงลดลงอย่างต่อนเื่องกว่า 88 เปอร์เซ็นต์หลังจากที่มันขึ้นไปทำจุดสูงสุดมาได้เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาโดยราคาวิ่งไปแตะเกือบ 20,000 ดอลลาร์ก่อนที่จะลดลงอย่างรวดเร็วจาก 6,000 ดอลลาร์ ถึง 3150 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม 2018 ที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนจำนวนมากหมดหวัง จนบางคนถึงกับหมดความสนใจในคริปโตและออกจากตลาดไปในที่สุด ทั้งหมดนี้เองที่นำไปสู่การลดลงอย่างมากของการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี่และ Bitcoin
ก่อนที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ความนิยมของ Bitcoin จะกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ราคาเริ่มมีการวิ่งกลับขึ้นไปอย่างมีนัยสำคัญอีกครั้งตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2019 ที่ผ่านมาแต่ก็ยังเป็นเพียงแค่ระดับที่ใกล้เคียงกับที่เมื่อตอนตลาดกระทิงเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมาอยู่ดี
โดยเมื่อราคา Bitcoin สามารถฟื้นตัวจาก 3,150 ดอลลาร์ไปยัง 10,915 ได้สำเร็จกินระยะเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้คนเริ่มกลับมาสนใจคริปโตเคอเรนซี่ที่มากขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ใกล้เคียงนักกับเมื่อตอนปี 2017 ที่ผ่านมาซึ่งอย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่ามันมีราคาสูงถึง 20,000 ดอลลาร์นั้นเอง
หากเทียบตลาดกระทิงแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ในปี 2017 ที่ผ่านมาความสนใจของ Bitcoin ในเดือนมิถุนายน 2019 หรือปัจจุบันยังคงวนเวียนอยู่ที่ 12 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นและลดลงจากเมื่อปี 2017 ถึง 88 เปอร์เซ็นต์ด้วยกันเรียกได้ว่าห่างไกลจากจุดยอดอีกมาก
แม้กระนั้นในปี 2017 ที่ผ่านมาแทบทุกสื่อหลักในตลาด Crypto ที่สำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ได้ให้ความเชื่อมั่นกับ Bitcoin และประโคมข่าวเป็นอย่างมากและนั้นทำให้ทุกคนกลัวที่จะพลาดโอกาศในการเข้าซื้อ (FOMO)
และนี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้ความต้องการของนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการครอบครอง Bitcoin พุ่งสูงขึ้นส่งผลทำให้มันขึ้นไปทำจุดสูงสุดได้ที่ 20,000 ดอลลาร์หรืออย่างในบางตลาดที่สูงถึง 23,000 ดอลลาร์ในเกาหลีใต้บางตลาดซื้อขาย
โดยจากตลาดคริปโตในตอนนี้ไม่ได้มาจากรายย่อยอีกต่อไปแต่มาจากนักลุงทุนสถาบันที่มากขึ้นกว่ารายย่อยอย่างเห็นได้ชัดจากความสนใจใน Bitcoin บน Google Trends ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดหากเทียบกับในปี 2017 ที่ผ่านมา
“นักลงทุนสถาบันสามารถคิดเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดของปริมาณการซื้อขายของ ผลิตภัณฑ์ในไตรมาสแรกถึง 73 เปอร์เซ็นต์ซึ่งมันสอดคล้องเป็นอย่างมากกับเงินที่ไหลเข้ามาของพวกเขาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ดังที่เราได้รายงานไปก่อนหน้านี้นักลงทุนสถาบันหลายคนอาจมองว่าการลดลงอย่างมากของราคา Bitcoin เป็นจุดที่พวกเขาควรจะเข้าซื้อเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ดีที่สุดในการถือคริปโตเคอเรนซี่ไว้ ตามรายงานในไตรมาสที่ 1 ของ Grayscale”
ดังนั้นหากการไหลเข้ามาของเงินลงทุนจากนักลงทุนสถาบันโดยทั่วไปจะทำให้ตลาดคริปโตเคอเรนซี่ฟื้นตัวในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาโดยไม่มีผลประด้านอื่น ๆ มากนักแต่หากว่านักลงทุนรายย่อยเริ่มทยอยกันกลับมาอีกครั้งเราอาจจะได้เห็นปรากฏการณ์บางอย่างก็เป็นได้
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ Thomas Lee ผู้ร่วมก่อตั้ง Fundstrat ระบุว่าราคา bitcoin สามารถวิ่งไปถึง 20,000 ถึง 40,000 ดอลลาร์ได้อย่างง่ายดายหลังจากทะลุระดับ“FOMO” ที่ระดับ 10,000 ดอลลาร์ได้สำเร็จ โดยเขาได้บอกว่า :
“เพื่อให้เห็นภาพมาที่สุดและชัดเจนมากขึ้นเราต้องมาว่าช่วงเวลาที่กลัวการพลาดมากที่สุด (FOMO) ในอดีตดังนั้นเมื่อ Bitcoin นั้นก็คือระดับราคา 10,000 ดอลลาร์และเมื่อมันสามารถทะลุแนวต้านแห่งความ FOMO นี้ไปได้ Bitcoin จะวิ่งขึ้นไปอีกไม่ต่ำกว่า 200 ถึง 400 เปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน”
นักลงทุนรายย่อยยังไม่กลับมาลงทุน
แม้ว่าระดับราคาของ Bitcoin จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากแล้วนับตั้งแต่ต้นปี 2019 ที่ผ่านมาและในที่สุดเมื่อไม่กี่วันนั้น Bitcoin ได้ทำลายแนวต้านจิตวิทยาที่ 10,000 ดอลลาร์ลงได้เรียบร้อยแต่นักลงทุนรายย่อยยังคงไม่กลับมาและคงต้องใช้เวลาอีกมากเพราะพวกเขายังคงจำเหตุการณ์ที่เป็นภาพลบของพวกเขาในตลาดหมีตลอดระยะเวลากว่า 16 เดือนได้อย่างแม่นยำนั้นเอง
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น