<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผลสำรวจเผย เด็กเจ็น Z เกลียด Crypto แต่ Libra ของ Facebook อาจเปลี่ยนใจพวกเขาได้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อ้างอิงจาก Business Insider เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก ๆ ที่ผลสำรวจเด็กอเมริกันจำนวน 1,884 คน เผยว่า เด็ก Gen Z ส่วนใหญ่นั้นไม่มีแผนที่จะมีความเกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency

บริษัทที่เป็นผู้จัดทำผลสำรวจนี้มีนามว่า Cint ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยการสำรวจครั้งนี้ตั้งใจที่จะ “เรียนรู้ว่าเด็ก Gen Z นั้นมีมุมมองอย่างไรต่อโลก” ซึ่งรวมไปถึงมุมมองต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องเวลา และเงินทั้งบนอินเทอร์เน็ต และโลกความเป็นจริง และแน่นอนว่า เมื่อพูดถึงเรื่องเงินดิจิทัลแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นที่จะมีความเกี่ยวข้องกับคริปโตและสินทรัพย์ดิจิทัล

Gen Z เกลียดคริปโต แต่ว่า Millennials ชอบมัน

ถึงแม้จะไม่มีเกณฑ์การแบ่งแยกที่ชัดเจน แต่ Gen Z ที่พวกเขาพูดถึงคือคนที่อยู่หลังยุค Millennial ซึ่งเกิดในปีระหว่าง 1995 ถึง 2012 โดยส่วนใหญ่คนพวกนี้จะยังเป็นวัยรุ่นอยู่

ในหัวข้อที่ถามว่า “ในอีก 6 เดือนข้างหน้า พวกเขาสนใจที่จะซื้อหรือลงทุนใน Cryptocurrency หรือไม่?” ผลสำรวจได้เผยว่า 53 เปอร์เซ็นต์ของตัวอย่างที่อายุน้อยกว่า 25 ปี ไม่มีความสนใจใด ๆ ทั้งนั้นและอีก 17 เปอร์เซ็นต์ก็เผยว่า ไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก

จากตัวเลขดังกล่าว ทำให้แบ่งแยกคร่าว ๆ ได้ว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของคน Gen Z นั้นไม่สนใจใน Cryptocurrency แต่อีก 30 เปอร์เซ็นต์นั้นยังสนใจอยู่

ในทางกลับกัน ผลลัพธ์ของหัวข้อนี้เป็นไปในทิศทางค่อนข้างตรงกันข้าม เพราะ CCN รายงานว่า คนยุค Millennial นั้นชื่นชอบ Cryptocurrency มาก เนื่องจาก 55 เปอร์เซ็นต์ของตัวอย่างสนใจในการลงทุนหรือได้ลงทุนกับมันไปเรียบร้อยแล้ว

เหรียญ Libra ของ Facebook อาจเป็นตัวเข้ามาเปลี่ยนแปลง

การทะยานขึ้นของตลาดคริปโตในปี 2019 นั้นทำให้ความนิยมของมันพุ่งขึ้นสูงมาก ๆ และนักวิเคราะห์จำนวนมากก็ได้เชื่อได้ ในปีนี้แหละจะเป็นการเริ่มต้นของ Altcoins Season (ช่วงที่มูลค่าของ Altcoin ในตลาดทะยาน)  และหนึ่งปัจจัยที่หลาย ๆ คนเชื่อว่าทำให้ขาขึ้นในรอบนี้รุนแรงนั้นก็คงหนีไม่พ้นการมาถึงของ Libra ที่เป็น Stablecoin ของ Facebook

มันเป็นไปได้ที่ในอนาคตอันใกล้นี้ แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook, Instagram และ Whatsapp จะรองรับการทำงานของ Libra และพวกเขายังได้มีการเผยด้วยว่า อยากที่จะให้ Libra นั้นเป็นคริปโตที่ได้รับการยอมรับจากทั้งโลก โดยการทำให้มันกลายเป็นเงินที่สามารถส่งไปหากันได้อย่างอิสระระหว่างแพลตฟอร์ม

ถึงแม้ตอนนี้จะมีอุปสรรคและข้อกังขาที่ Libra กำลังเจอมากมาย แต่ถ้าพวกเขาสามารถก้าวข้ามขวากหนามเหล่านั้นมาได้และเปิดตัวในปีหน้าสำเร็จ มันก็จะทำให้ผู้ใช้งาน Facebook, Instagram และ Whatsapp สามารถส่งเงินดิจิทัลหากันได้อย่างอิสระนั่นเอง

สาเหตุที่ Facebook นั้นอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้คน Gen Z สนใจ Cryptocurrency นั้นก็อ้างอิงมาจากข้อมูลผู้ใช้งานของพวกเขา อ้างอิงจาก Sprout Social ประชากรกว่า 1 ใน 4 ของโลกใช้ Facebook อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และผู้ใช้งานกว่า 1.5 พันล้านคนใช้งาน Facebook อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง

ในแง่ของอายุ 88 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานทั้งหมดนั้นเป็นประชากรที่มีอายุ 13 ถึง 17 ปี และ 84 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานที่มีอายุ 18 ถึง 29 ปี ก็ใช้งาน Facebook เป็นประจำทุกวันด้วย

ในส่วนของ Instagram นั้นก็มีข้อมูลที่น่าสนใจเช่นกันเพราะ 72 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่อายุต่ำกว่า 17 ปี และ 64 เปอร์เซ็นต์ของคนที่อายุระหว่าง 18 ถึง 29 ปี ใช้ Instagram อยู่

Whatsapp เองก็เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมจาก Gen Z มาก ๆ อ้างอิงจาก Statista 38 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งาน Whatsapp มีอายุ 18 ถึง 24 ปี แต่ไม่ได้มีข้อมูลบอกว่า มีผู้ใช้งานที่ต่ำกว่า 18 ปีกี่เปอร์เซ็นต์

การเปิดตัว Libra ระหว่างทุก ๆ แพลตฟอร์มที่ Facebook ครอบครองอยูนั้นอาจแปลว่า พวกเขากำลังเพิ่ม Wallet ของคริปโตเข้าไปในบัญชีของผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลกก็เป็นได้ ทำให้การทำธุรกรรมนั้นง่ายเหมือนกันส่งข้อความหรือรูปหากัน และจุดนั้นเองที่อาจเปลี่ยนแปลงมุมมองของคริปโตที่มีต่อ Gen Z ได้

แต่ในทางกลับกัน หาก Libra ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้งานหลายล้านคนจะแปลว่า ในอนาคตสกุลเงินคริปโตระดับโลกจะถูกควบคุมโดยบริษัทที่เป็นองค์กรแสวงหากำไร และอาจเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ แต่ในอีกแง่หนึ่ง Libra ก็อาจเข้ามาแทนที่ตัวกลางในการทำธุรกรรมกันแบบเดิม ๆ ไปได้เลยตลอดกาล อย่างเช่นการส่งอีเมลที่มาแทนที่การส่งจดหมาย

อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงการวิเคราะห์เท่านั้น ทางกลุ่มธนาคารเองก็ไม่ใช่กลุ่มเล็ก ๆ ที่อ่อนแอและนั่งดูอุตสาหกรรมของพวกเขาล้มตายไปเป็นแน่ รวมทั้งคริปโตยังคงมีอุปสรรคในแง่ของผลกระทบการการเมือง, เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีอีกมากมาย ที่ทำให้ในเร็ว ๆ นี้ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ก็คงได้เห็นเซอร์ไพส์ที่ไม่คาดฝันจากองค์กีหรือหน่วยงานใหญ่อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะรุนแรงถึงขั้นแบน Facebook, Instagram หรือ Whatsapp ออกไปจากประเทศนั่น ๆ เลยก็เป็นได้

ที่มา ccn

ภาพจากข่าวสด

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น