ประเด็นของกฎหมายและ Cryptocurrency ก็ยังเป็นอะไรที่ต้องดำเนินไปคู่กันตลอด เพราะก็ใช่ว่าจะมีแต่ผู้ประกอบการหรือนักลงทุนที่เข้ามาในวงการคริปโตเท่านั้น แต่ยังมีมิจฉาชีพที่คอยเข้ามาใช้ความน่าสนใจของ Cryptocurrency และ Blockchain ในการหลอกล่อเหยื่ออยู่เสมอ
โดนอีกราย
อ้างอิงรายงานจาก FinanceFeeds เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา นาย Jon Montroll ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บเทรดคริปโตที่ปิดตัวไปแล้วอย่าง BitFunder ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลากว่า 14 เดือน
คดีดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2018 นาย Montroll ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงในการที่ขัดขวางความยุติธรรม และยอมรับว่า เขาสร้างยอด Statement ปลอมขึ้นมาเพื่อส่งไปให้ SEC หรือก.ล.ต. ของสหรัฐฯ ในขณะที่ BitFunder กำลังถูกตรวจสอบคดีความของการแฮ็ก Bitcoin จำนวน 6,000 BTC ที่เกิดขึ้นในปี 2013 ว่าเป็นจริงหรือไม่
หลังจากที่คดีความดังกล่าวยืดยาวมานานหลายปี ในที่สุด เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2019 ศาลแห่งนิวยอร์กก็ได้ตัดสินให้นาย Montroll ต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 14 เดือน
ล่าสุด ศาลที่สหรัฐฯ ก็ได้มีตัดสินจำคุกนาย Blake Kantor ชายวัย 44 ปี เป็นเวลากว่า 86 เดือนเช่นกัน เนื่องจากเป็นคนที่ดำเนินการแชร์ลูกโซ่ Cryptocurrency และถูกสั่งให้จ่ายค่าชดเชยให้เหยื่อที่ลงทุนในการหลอกลวงต้มตุ๋นของเขาถึง 806,405 ดอลลาร์ หรือประมาณ 24.9 ล้านบาท และยังทำการยึดทรัพย์เป็นเงินอีกกว่า 153,000 ดอลลาร์
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา SEC ก็ได้ทำการฟ้องร้องนาย Daniel Pacheco ข้อหาการดำเนินการแชร์ลูกโซ่ Cryptocurrency ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ SEC ได้ระบุว่า นาย Pacheco ได้ทำการขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ทำการลงทะเบียนอย่างถูกกฎหมาย ด้วยบริษัททั้งสองของเขานาม IPro Solutions และ IPro Network LLC ตั้งแต่เดือนมกราคม 2017 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2018
เรียกได้ว่า ทางต่างประเทศก็มีความตื่นตัวของคริปโตเช่นกันในแง่ของกฎหมายและการปราบปรามการโกง เพราะเรื่องของ Cryptocurrency และ Blockchain นั้นยังเป็นอะไรที่ใหม่อยู่ และมิจฉาชีพนั้นก็ชอบแฝงตัวมาเอาเปรียบเหยื่อเสมอ
โดยเฉพาะในเวลาที่ตลาดขาขึ้นแบบนี้ การลงทุนกับอะไรก็ได้กำไรไปหมดและอาจทำให้นักลงทุนโลภและเหลิงไปลงทุนกับแชร์ลูกโซ่คริปโตที่เกิดใหม่ในช่วงนี้ได้ ก็ต้องระวังกันให้ดี
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น