เทคโนโลยี Blockchain ถูกนำไปใช้แพร่หลายมากขึ้น ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์อีก 22 แห่งเปิดตัวบริษัท BCI (แห่งประเทศไทย) ออกมาแล้วซึ่ง BCI นี้เป็นบริษัทที่ให้บริการออกหนังสือค้ำประกันบน Blockchain รายแรกของโลก
ทั้งนี้หนังสือค้ำประกันนั้นมีส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นหลักประกันในสัญญาธุรกิจเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา โดยธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น
ในงานสัมมนา Blockchain the Series at BOT ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดทำโครงการ Thailand Blockchain Community Initiative เพื่อศึกษาการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร และจากนั้นก็ได้ก่อตั้งบริษัท BCI ขึ้นมาเพื่อให้บริการออกหนังสือค้ำประกันบน Blockchain
การนำ Blockchain มาใช้กับการออกหนังสือค้ำประกันจะช่วยลดต้นทุนในการจัดการเอกสารและดูแลข้อมูลและลดขั้นตอนต่าง ๆ ที่จะต้องจัดทำในการออกหนังสือค้ำประกันลงเยอะมาก และด้วยความที่เทคโนโลยี Blockchain มีความปลอดภัยสูง จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีการปลอมแปลงเอกสารเกิดขึ้น
ทั้งนี้บริษัท BCI ได้เปิดให้บริการแล้วในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี Blockchain ถูกนำไปใช้มากขึ้นแล้วในประเทศไทย เป็นอีกก้าวหนึ่งที่ดีที่จะนำพาการเติบโตมาสู่อุตสาหกรรมด้าน Blockchain ได้ในอนาคต
ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานความคืบหน้าของโครงการอินทนนท์หรือเหรียญของแบงก์ชาติ (CBDC) ไปแล้วซึ่งทางแบงก์ชาติได้ทดลองเหรียญดังกล่าวไปสองระยะแล้วและประสบความสำเร็จ ซึ่งทางแบงก์ชาติก็จะทดลองใช้เหรียญในช่วงระยะที่สามที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมในปีนี้ และจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี โดยการทดสอบดังกล่าวนั้นจะเกี่ยวกับการนำเอา DLT มาใช้ทดสอบการโอนเงินระหว่างประเทศ (cross-border funds transfer)
ขอบคุณภาพจาก workpoint news
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น