<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Binance ชี้ เหรียญคริปโตของรัฐบาลจีนจะริดรอนความเป็นส่วนตัวของประชาชนมากกว่าเดิม

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อ้างอิงจากรายงานของนักวิจัยจากบริษัท Binance ซึ่งได้ถูกเผยแพร่ในช่วงวันที่ผ่านมานั้น ได้มีการกล่าวถึงสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลางของรัฐบาลกลาง หรือ Central Bank Digital Currency (CBDC) ของประเทศจีนสำหรับการนำมาแก้ไขปัญหาด้านการธนาคารของประเทศ

ทั้งนี้โอกาสที่รัฐบาลจะสามารถเข้าถึงของมูลการดำเนินธุรกรรมของประชาชนได้มากกว่าเดิมจากการนำสกุลเงินดังกล่าวออกใช้ก็ยังมีอยู่ ซึ่งหากแม้มองจากมุมของผู้บริโภคแล้ว สกุลเงินดิจิตอลดังกล่าวนั้นไม่ได้เปิดเผยตัวตนของผู้ดำเนินธุรกรรม แต่การที่รัฐยังสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลธุรกรรมที่เกิดขึ้นในการป้องกันปัญหาการฟอกเงิน การสนับสนุนเงินทุนแก่การก่อการร้ายรวมทั้งปัญหาการหนีภาษี  เห็นได้ชัดว่าสกุลเงินดังกล่าวนั้นยังคงมีส่วนที่ไม่เป็นส่วนตัวอยู่มาก

ตัวสกุลเงินดิจิตอลของประเทศจีนนั้นใช้ระบบการจัดการแบบสองชั้น กล่าวคือธนาคารกลางของประเทศนั้นเป็นผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในการออกรวมถึงการกำกับดูแลสกุลเงินดังกล่าว ซึ่งสำหรับสถาบันการเงินอื่นอย่างธนาคารพาณิชย์หรือผู้ให้บริการด้านการเงินอย่าง Alipay หรือ Tencent นั้น จำเป็นที่จะต้องดำเนินการขออนุญาตในการออกหรือการจัดจำหน่ายสกุลเงินดังกล่าวแก่ผู้ใช้รายย่อยก่อน เป็นต้น

“ด้วยระบบการออกและควบคุมสกุลเงินแบบสองชั้นนี้เอง ที่จะส่งผลให้ประเทศจีนนั้นสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการแทนที่เงินกระดาษแบบเดิมด้วยสกุลเงินดิจิตอลโดยไม่ลดทอนศักยภาพเดิมของระบบการออกพิมพ์และการหมุนเวียนของเงินตรา”

นอกจากนี้สกุลเงินดิจิทัลดังกล่าวยังถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นเงินตราที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และยังได้มีมูลค่าซึ่งแปลผันตรงตามสกุลเงินหยวนของประเทศจีนเนื่องจากมีเงินสกุลดังกล่าวเป็นทุนประกันในอัตรา 1 ต่อ 1 โดยประชาชนสามารถที่จะซื้อขายสกุลเงินดังกล่าวได้ผ่านธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตอย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้

นาย Fan Yifei ซึ่งเป็นรองผู้ว่าการของธนาคารกลางแห่งประเทศจีนนั้นยังได้กล่าวว่าข้อมูลต่างๆของผู้ใช้งานนั้นจะถูกเก็บไว้ในฐานของมูลของธนาคารกลางเพื่อเป็นการลดภาระการดำเนินการให้กับธนาคารพาณิชย์โดยที่การประสานงานระหว่างระบบข้อมูลนั้นสามารถดำเนินการโดยฝ่ายเดียวได้เลย 

อย่างไรก็ตามมันยังไม่เป็นที่ชัดเจนนักว่าทางธนาคารกลางหรือธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องนั้นจำเป็นที่จะต้องดำเนินการกำหนดให้ผู้ใช้บริการทำ KYC ก่อนที่จะเข้าใช้งานเครือข่ายหรือไม่ และแม้ว่าเครือข่ายดังกล่าวนั้นมีลักษณะที่ไม่เปิดเผยตัวตนของผู้ใช้เช่นเดียวกับเครือข่ายของ Bitcoin ก็ตาม แต่หากอาศัยเครื่องมือที่เหมาะสมในการวิเคราะห์เครือข่ายอย่างที่ Chainalysis ได้ดำเนินการแล้ว มันก็ไม่เป็นการยากที่จะรวมรวมข้อมูลการดำเนินธุรกรรมต่างๆชองผู้ใช้ไม่ว่าจะเป็นประวัติธุรกรรมหรือผู้ที่ผู้ใช้ดำเนินธุรกรรมด้วยได้ เป็นต้น

ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นไปได้ที่ทางธนาคารกลางแห่งประเทศจีนนั้นจะสามารถที่จะติดตามการดำเนินธุรกรรมของผู้ใช้บนเครือข่าย รวมถึงอำนาจในการอายัดบัญชีของผู้ใช้ในทันทีหากพบว่ามีการดำเนินธุรกรรมที่น่าสงสัยเกิดขึ้นได้ 

การที่ทางธนาคารกลาวของประเทศจีนได้ออกมากล่าวถึงความคือหน้าของการพัฒนาสกุลเงินดิจิตอลของตนเองนั้น ส่วนหนึ่งอาจมีที่มาจากการที่ Facebook นั้นกำลังดำเนินโครงการสกุลเงินคริปโตของตัวเองซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสกุลเงินของประเทศจีนและการชำระเงินภายในประเทศได้

นอกจากนี้แล้วสถานการณ์เกี่ยวกับคริปโตอื่นๆภายในประเทศจีนนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับมากนัก เนื่องจากการออกนโยบายห้ามการดำเนินการซื้อขายใดๆเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตภายในประเทศ ซึ่งกรณีดังกล่าวส่งผลให้บริษัทอย่าง Binance ซึ่งแรกเริ่มได้ก่อตั้งภายในประเทศจีนนั้นต้องย้ายบริษัทไปตั้งนอกประเทศ เช่นบนเกาะ Malta นั่นเอง

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น